The King Never Smiles : โจ กอร์ดอน ไม่ขอต่อสู้คดี แต่ไม่รับสารภาพ

ไม่ขอต่อสู้คดี แต่ไม่รับสารภาพ

โจ กอร์ดอน

ข้อเท็จจริงเบื้องต้น

นายเลอพงษ์ หรือ โจ กอร์ดอน มีสัญชาติไทย-อเมริกัน คือผู้ที่เดินทางออกจากประเทศไทยไปใช้ชีวิตอยู่ในรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลา เกือบ 30 ปี นายเลอพงษ์ ว. ได้ใช้นามแฝงว่า นายสิน แซ่จิ้ว เข้าไปโพสต์ข้อความบนเว็บบอร์ด sameskyboard.com โดยจัดทำลิงก์ ระบุข้อความว่า “TKNS อยู่ในนี้ ลิงก์ด้านซ้ายของรูปเปรม” ซึ่ง TKNS เป็นคำย่อหมายถึงหนังสือต้องห้ามนำเข้าสู่ราชอาณาจักรไทยชื่อ เดอะคิงส์เนฟเวอร์สไมล์ (The King Never Smiles) เผยแพร่เพื่อให้ผู้อื่นเข้าไปดูและอ่านหนังสือต้องห้าม The king never smiles ที่ได้แปลเป็นฉบับภาษาไทย เมื่อมีผู้อื่นที่พบและเข้าไปที่ลิงก์ตรงข้อความดังกล่าว พบมีความเชื่อมโยงไปยังเว็บบล็อก ของนายเลอพงษ์ ซึ่งใช้นามแฝงว่า นายสิน แซ่จิ้ว และใช้คำนิยามเกี่ยวกับตัวเองสั้นๆ และอ้างตัวเป็นผู้แปลหนังสือต้องห้ามดังกล่าว

การเข้าจับกุมและการตรวจพิสูจน์หลักฐาน

พนักงานสอบสวนได้ยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ Laptop ของนายเลอพงษ์ไว้ โดยการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยความละเอียด และเพื่อป้องกันข้อมูลที่อาจถูกทำให้เปลี่ยนแปลงได้ การดำเนินการในชั้นนี้ เจ้าพนักงานตำรวจจึงร้องขอต่อศาลว่าจะต้องกระทำต่อหน้านายเลอพงษ์ จึงขอให้ศาลอนุญาตให้นำตัวนายเลอพงษ์มาควบคุมที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติมด้วย

การต่อสู้คดีในชั้นศาล

ในการนัดพิจารณาคดี นายเลอพงษ์ตัดสินใจประกาศว่า เขาไม่ขอต่อสู้คดี ศาลจึงมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานคุมประพฤติสืบเสาะพฤติการณ์ของจำเลยแล้วรายงานต่อศาล

จากการสืบเสาะโดยเจ้าพนักงานคุมประพฤติ นายเลอพงษ์กล่าวอ้างด้วยตนเองว่า ตนเองไม่สนใจเรื่องการเมืองประเทศไทย ไม่ใช่สิน แซ่จิ้ว เจ้าของบล็อกที่บรรจุลิงก์ให้ดาว์นโหลดหนังสือ The King Never Smiles และไม่เคยดูหมิ่นเหยียดหยามพระมหากษัตริย์

คำพิพากษาของศาล

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายเลอพงษ์มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  มาตรา 116 (2) และ(3) พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550มาตรา 14 (3) และ (5) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษคงจำคุก 2 ปี 6เดือน ริบของกลาง

ข้อสังเกตทางคดี

คดีนี้ นายเลอพงษ์ได้ใช้สิทธิที่จะไม่ขอต่อสู้คดีตามที่ถูกกล่าวหา ดังนั้น ศาลจึงพิพากษาว่านายเลอพงษ์มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา แม้นายเลอพงษ์จะให้การต่อมาอย่างขัดแย้งกันกับคำรับสารภาพของตนเองว่า ตนเองไม่สนใจการเมืองไทย ไม่ใช่สิน แซ่จิ้ว เจ้าของบล็อกที่บรรจุลิงก์ให้ดาว์นโหลดหนังสือ The King Never Smiles และไม่เคยดูหมิ่นเหยียดหยามพระมหากษัตริย์

ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาก็ได้ทำการถามย้ำกับนายเลอพงษ์หลายต่อหลายครั้งว่าจำเลยต้องการต่อสู้คดีหรือไม่ รับสารภาพหรือไม่ เนื่องจากการต่อสู้คดีเป็นสิทธิของจำเลยโดยแท้ แต่นายเลอพงษ์ก็ยังยืนยันคำตอบเดิมที่เคยให้ไว้

ทนายความของนายเลอพงษ์ได้แจ้งต่อศาลว่า “หากไม่นับกรณีที่ฟ้อง จำเลยไม่เคยกระทำการดูหมิ่นเหยียดหยามพระมหากษัตริย์” จากนั้นนายเลอพงษ์ได้ยืนยันว่า เป็นไปตามที่ทนายแจ้ง

ในประเด็นนี้ ยิ่งเกิดข้อสังเกตตามมากมายว่า นายเลอพงษ์วางแนวทางการต่อสู้คดีของตนเองไว้อย่างไร รับสารภาพหรือปฏิเสธข้อกล่าวหากันแน่ คำว่า “หากไม่นับกรณีที่ฟ้อง จำเลยไม่เคยกระทำการดูหมิ่นเหยียดหยามพระมหากษัตริย์” นั้น แปลความหมายว่า ในกรณีคดีนี้ จำเลยยอมรับว่ากระทำการดูหมิ่นเหยียดหยามพระมหากษัตริย์ ใช่หรือไม่ เหตุใดจึงให้การสับสนวกวนเช่นนี้

ซึ่งในทางกฎหมายนั้น หากจำเลยปฏิเสธข้อกล่าวหา จำเลยก็จะต้องต่อสู้คดี การไม่รับสารภาพแต่ไม่ขอต่อสู้คดี จึงเป็นคำให้การที่สับสนในตัวเองว่าจริงๆ แล้วจำเลยต้องการอะไรกันแน่ ทนายความของจำเลยได้มีการอธิบายขั้นตอนการดำเนินคดีในศาลให้จำเลยฟังหรือไม่ ซึ่งในทางกฎหมายวิธีพิจารณาความนั้น ทนายความมีหน้าที่ในการอธิบายกลยุทธ์หรือแนวทางคดี และแนวโน้มความเป็นไปได้ให้ลูกความของตนเองฟังเพื่อความชัดเจน แต่ในคดีของนายเลอพงษ์กลับมีเพียงคำให้การที่สับสนวกวน จนกระทั่งนายเลอพงษ์ถูกตัดสินลงโทษตามคำพิพากษาของศาลในที่สุด เรียกได้ว่าแพ้คดีเพราะถูก “ทนายนำพา”

ซึ่งทนายความในคดีนี้ ก็คือ นายอานนท์ นำภา นั่นเอง

อ้างอิง :

[1] คดีหมายเลขแดงที่ อ.4915/2554

TOP
y

Emet nisl suscipit adipiscing bibendum. Amet cursus sit amet dictum. Vel risus commodo viverra maecenas.

r

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า