หลายครั้งหลายหนในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สถาบันทำหน้าที่เสมือนเป็นเซฟทีคัทในยามคับขัน ขัดแย้งแตกแยกเหมือนจะไปต่อไม่ได้ ให้โอกาสทุกฝ่ายได้เริ่มต้นกันใหม่…
วันที่ 1 กันยายน 2566 น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าว และนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน อธิบายถึงหน้าที่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย เหมือนสวิตช์ฉุกเฉินในยามคับขัน ยุติความแตกแยกมิให้บานปลาย ให้ทุกฝ่ายเดินหน้าร่วมกันต่อไปได้ โดยมีข้อความว่า…
“หลายครั้งหลายหนในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สถาบันทำหน้าที่เสมือนเป็นเซฟทีคัทในยามคับขัน ขัดแย้งแตกแยกเหมือนจะไปต่อไม่ได้ ให้โอกาสทุกฝ่ายได้เริ่มต้นกันใหม่
มองจากมุมมองคู่ขัดแย้งอาจรู้สึกไม่ถูกใจ แต่หากวางอคติแล้วถอยออกมาไกลพอจนเห็นครบทุกปัจจัยและรายละเอียด จะเห็นว่าเป็นธรรมที่สุดแล้ว”
นอกจากนี้ น.ส.ณัฏฐา ยังโพสต์ภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2535 ซึ่ง พล.ต. จำลอง ศรีเมือง และ พล.อ. สุจินดา คราประยูร 2 แกนนำคู่ขัดแย้งในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งพระองค์ทรงไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายที่ทำท่าว่าจะบานปลายจนให้สงบลงได้อย่างเหลือเชื่อ
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนถึงบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งในหลวงทุกพระองค์ท่านทรงยึดถือหลักการอย่างระมัดระวัง และปฏิบัติพระองค์ภายใต้รัฐธรรมนูธตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นพระราชอำนาจเท่านั้น และเมื่อใดที่บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะวิกฤติ พระองค์ก็จะทรงให้คำแนะนำ หรือปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างเหมาะสม เพื่อให้ทุกคน ทุกฝ่าย ก้าวพ้นจากความขัดแย้ง และหันหน้ารอมชอมกัน เพื่อให้ประเทศชาติกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยและผ่านพ้นวิกฤติเลวร้ายต่างๆ ไปได้
