บทสรุปเหยื่อปั่นอุดมการณ์ อบอุ่นในโลกออนไลน์ แต่เดียวดายหน้าบัลลังก์
เป็นที่ทราบกันดีว่า นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ มีอาชีพเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ในอีกด้านหนึ่งเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มเฟซบุ๊กที่มีชื่อว่า “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง” โดยนายปวินฯ ใช้พื้นที่สื่อสังคมออนไลน์แห่งนี้เป็นสื่อกลางในการยุยงปลุกปั่นให้บุคคลอื่นกลายเป็นผู้กระทำความผิดต่อกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์
หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน 2564 ณ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท) “นายอัปสร” (นามสมมติ) พนักงานบริษัทซึ่งเป็นหญิงข้ามเพศวัย 22 ปี เดินทางมารับทราบข้อหาตามหมายเรียก ในฐานความผิด “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ผู้รับมอบอำนาจจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อนายอัปสร ซึ่งได้แชร์โพสต์ของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ในลักษณะที่เป็นการใส่ความการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 10
โดยมีเนื้อหาทำนองว่า ในหลวงรัชกาลที่ 10 และสมาชิกราชวงศ์ทำการประชาสัมพันธ์พระองค์ผ่านโครงการต่างๆ ในลักษณะที่แข่งขันกับผู้ชุมนุม อีกทั้งยังใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมซึ่งสร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ ทำให้บุคคลทั่วไปที่ได้พบเห็นข้อความและภาพถ่ายดังกล่าว เข้าใจว่าในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงให้พระบรมวงศานุวงศ์ออกมาทำสงครามกับประชาชน อันเป็นข้อความแสดงให้เห็นว่าพระมหากษัตริย์เป็นศัตรูกับประชาชน และทำให้เข้าใจไปได้ว่าในหลวงรัชกาลที่ 10 เข้ามาแทรกแซงการเมือง
พนักงานสอบสวนได้แจ้ง 2 ข้อกล่าวหาแก่นายอัปสร ได้แก่ “การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร” ตามมาตรา 14 (3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 และ “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนจึงสรุปสำนวนส่งอัยการเพื่อฟ้องคดีต่อไป
ในวันพิจารณาคดี เมื่อพนักงานอัยการโจทก์และนายอัปสรในฐานะจำเลยมาพร้อมกันแล้ว ศาลจึงขึ้นนั่งบัลลังก์ ทนายจำเลยได้แจ้งต่อศาลว่า จำเลยประสงค์จะกลับคำให้การ เปลี่ยนเป็นรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ศาลจึงได้สอบถามประวัติการทำงานและภูมิหลังของจำเลย จากนั้นให้รอฟังรายงานกระบวนการพิจารณาคดี
ต่อมาศาลได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาคดีโดยสรุปว่า คู่ความมาศาล ศาลได้อ่านคำอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง ทนายจำเลยแจ้งต่อศาลว่า จำเลยประสงค์จะขอถอนคำให้การเดิมและจะให้การรับสารภาพแทน ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและส่งรายงานภายใน 15 วัน พร้อมทั้งนัดหมายฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 26 กันยายน 2565 เวลา 10.00 น.
หลังอ่านรายงานจบ ผู้พิพากษาได้อธิบายเรื่องกระบวนการสืบเสาะและพินิจต่อนายอัปสรว่า หลังจากนี้จะมีพนักงานคุมประพฤติไปสอบสวน หากมีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ก็ขอให้นายอัปสรแจ้งต่อพนักงานคุมประพฤติไป หลังเสร็จสิ้นกระบวนการในห้องพิจารณาคดีแล้ว นายอัปสรต้องไปทำนัดหมายกับพนักงานคุมประพฤติที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะด้วย
ทั้งนี้ ศาลมีอำนาจสั่งให้พนักงานคุมประพฤติดำเนินการสืบเสาะและพินิจเกี่ยวกับนายอัปสร เช่น ประวัติ ความประพฤติ สุขภาพ นิสัยและการรู้สึกผิด เหตุอื่นอันควรปราณี แล้วทำรายงานและความเห็นเสนอให้ศาลเพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษาหรือเพื่อประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษต่อไป
คำพิพากษา
ศาลอาญามีคำพิพากษาว่า ในคดีนี้จำเลยถูกกล่าวหาจากการกระทำเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ตามกฎหมายจึงให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายที่มีบทลงโทษหนักที่สุด คือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยศาลมีคำสั่งให้ลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลาสี่ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพอันเป็นประโยชน์ต่อคดี จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกสองปี
แต่เนื่องจากจำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน และกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงให้รอการลงโทษไว้สามปี และให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกๆ สามเดือน เป็นระยะเวลาสองปี
คดีนี้ เห็นได้ชัดว่าต้นเหตุที่แท้จริง คือ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ บุคคลที่อ้างตนว่าเป็นนักวิชาการ อาศัยอยู่นอกประเทศ แต่กลับยุยงปลุกปั่นให้บุคคลที่ไม่สามารถแยกแยะผิดถูกได้ โพสต์ข้อความใดๆ โดยไม่รู้ว่าผิดกฎหมายหรือไม่ สิ่งถือเป็นการกระทำที่ชั่วช้าโดยอาศัยเสรีภาพทางวิชาการมาบังหน้า ในขณะที่ผู้รับเคราะห์ คือ บุคคลที่ไร้ซึ่งสติปัญญา ขาดทักษะในการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ นั่นเอง
ที่มา :
[1] ฐานข้อมูลคดี ; พัชระ : แชร์โพสต์ปวินวิพากษ์ร. 10
[2] ปอท. แจ้ง ม.112-พ.ร.บ.คอมฯ สาวข้ามเพศ เหตุแชร์โพสต์ ‘ปวิน’
[3] คดีแชร์โพสต์ ‘ปวิน’ วิจารณ์ราชวงศ์ ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี ผิด ม.112 แต่ให้รอลงอาญา