เปิดโปง ‘ตั๋วปารีส’ หลักฐานการมีอยู่จริงของเครือข่ายล้มล้างการปกครอง ผ่านนักการเมืองในสภา

จริงหรือไม่? ที่ สส. ของพรรคการเมืองบางพรรคคือตัวแทนขององค์กรต่างชาติ ที่ถูกจัดตั้งเข้ามาเพื่อบ่อนทำลายโครงสร้างของรัฐและเปิดทางไปสู่การล้มล้างการปกครอง

และจริงหรือไม่? ที่ข้อกล่าวหานี้คือเรื่องเพ้อเจ้อ เป็นเพียงข้ออ้างของกลุ่มอำนาจเก่าที่พยายามตัดแข้งตัดขา ไม่ให้พรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนพรรคนี้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล

คำถามข้างต้นมีคำตอบชัดเจนอยู่ในกรณี ‘ตั๋วปารีส’

ตั๋วปารีส เป็นกรณีฉาวโฉ่ของนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหลักฐานชั้นดีที่ยืนยันว่า สส. ที่อ้างตัวว่าทำเพื่อประชาชน แต่เบื้องหลังกลับเป็นตัวแทนของ ‘เครือข่าย’ องค์กรต่างชาติ ที่ถูกจัดตั้งเข้ามาในรัฐสภาเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น มีอยู่จริง!

หลักฐานที่หลุดมาจากกรณีตั๋วปารีสนี้ ได้ตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ของนักการเมืองคนนี้ กับองค์กรต่างชาติที่มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยอย่างชัดเจน นั่นคือการได้รับเชิญไปประเทศฝรั่งเศส พร้อมด้วยเครือข่ายนักวิชาการและนักกิจกรรมไทยที่มีท่าทีล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

และถ้าพิจารณาจากทฤษฎีเครือข่าย (network) ร่วมกับหัวข้อในการบรรยาย รวมถึงวัตถุประสงค์ของกิจกรรมที่จัดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ก็เป็นที่ชัดเจนว่า สส. คนนี้และเครือข่ายนักวิชาการทั้งหมดคือ ‘พวกเดียวกัน’

ซึ่งหลักฐานนี้อาจนำไปสู่คำตอบที่ว่า กลุ่มเครือข่ายนักวิชาการที่พยายามสร้างวาทกรรมโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ได้รับการสนับสนุนจากใคร และได้ทุนมาจากไหน และเหตุใดพรรคการเมืองของ สส. คนนี้จึงพยายามเร่งปิดจ๊อบการแก้ไข ม.112 โดยไม่สนใจนโยบายเพื่อปากท้องประชาชนตามที่ได้เคยหาเสียงไว้ก่อนหน้านี้เลย

กรณีตั๋วปารีส คือการพยายามแทรกแซงการปกครองของไทย โดยองค์กรต่างชาติ ผ่านการส่ง ‘ตัวแทน’ (agents) หรือการให้ทุนสนับสนุนแก่กลุ่มคนที่เคลื่อนไหวหรือจัด ‘กิจกรรมทางการเมือง’ (political activities) เพื่อให้เกิดกระแสการเปลี่ยนโครงสร้างของชาติจากภายในผ่านการบ่อนทำลายโครงสร้างของรัฐ

ซึ่งวิธีการบ่อนเซาะรัฐเอกราชที่ได้ผล และถูกกฎหมายระหว่างประเทศที่สุด ก็คือการแทรกแซงผ่าน ‘ฝ่ายนิติบัญญัติ’ ซึ่งก็คือ ‘รัฐสภา’ นั่นเอง

และไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้น แต่องค์กรต่างชาติกลุ่มเดียวกันนี้ยังได้ส่งตัวแทนเข้าไปแทรกซึมและทำกิจกรรมทางการเมืองในประเทศเพื่อนบ้านของเรากันแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และพม่า ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการละเมิดหลักอธิปไตยอย่างชัดเจนและเลวร้ายที่สุดขององค์กรต่างชาติ

การอ้างตัวว่าเป็นตัวแทนของประชาชน เข้ามาเป็น สส. ในสภาเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของคนไทย แต่กลับไปมีหลักฐานพัวพันกับเครือข่ายล้มล้างการปกครองขององค์กรต่างชาติ ชนิดชัดเจนทนโท่แบบนี้ ก็คงต้องถามกลับไปยัง สส. ตัวแทนพี่น้องประชาชนท่านนี้ครับว่า จะออกมาแก้ตัวอย่างไร?