‘ปีศาจที่เพิ่งสร้าง’ ยุทธศาสตร์บ่อนทำลายชาติของนักการเมืองฉ้อฉล

จากผลโหวตการเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาครั้งที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาลที่กำลังเดินหน้าอยู่ในตอนนี้ เราก็พอจะมองเห็นเค้าลางอนาคตของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งได้บ้างแล้ว ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ สิ่งที่พรรคนี้กำลังเผชิญคือ “ความพ่ายแพ้เกมการเมือง” จากความประมาทของตัวเอง

ความพ่ายแพ้ที่ว่านี้ ถ้าพูดกันตามหลักรัฐศาสตร์แล้ว ถือเป็นความผิดพลาดมาตั้งแต่การที่หัวหน้าพรรคนี้ประกาศตัวเองว่าจะเป็น ‘ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30’ แล้ว ซึ่งการทำแบบนี้ไม่มีประเทศไหนในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเขาทำกัน เพราะเราไม่ได้ปกครองแบบประธานาธิบดีที่มีการเลือกตั้งฝ่ายบริหารโดยตรง ดังนั้น ต่อให้มีพรรคการเมืองไหนได้ที่นั่งในสภามากที่สุด ก็ถือเป็นแค่พรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อนคนอื่นเท่านั้น ส่วนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องผ่านมติของรัฐสภาเสียก่อน นั่นคือ จะต้องไปเลือกนายกฯ อีกครั้งในรัฐสภา เมื่อเลือกได้แล้วประธานสภาจึงค่อยถวายชื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงโปรดเกล้าฯ ลงมาตามลำดับ นั่นแหละ จึงจะเรียกตัวเองว่าเป็นนายกฯ ได้ตามประเพณีการปกครอง

นี่เป็นหลักการง่ายๆ ที่นักการเมืองบางคน (แกล้ง) ไม่เข้าใจ

และแทนที่จะยอมรับกติกา แล้วเปิดโอกาสให้คนอื่นบริหารประเทศตามมารยาททางการเมือง แต่กลับมีคนบางกลุ่มออกมาสร้างดราม่าให้ประชาชนเข้าใจว่า พรรคการเมืองพรรคนี้ถูกกลั่นแกล้ง หรือแม้กระทั่งโดน ‘ใบสั่ง’ มาไม่ให้เป็นรัฐบาล ทั้งๆ ที่สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะกรณีหุ้นสื่อ ที่ดิน หรือการแพ้โหวตในสภา ล้วนเป็นเรื่องที่มาจากความผิดพลาดของตัวเองทั้งนั้น

วิธีแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการใช้วาทกรรมเพื่อหาเป้า แล้วสร้าง ‘ปีศาจ’ ขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความผิดของตัวเอง ซึ่ง ‘ปีศาจ’ ที่คนกลุ่มนี้สร้างขึ้นให้เป็นผู้ร้าย ให้กลายเป็นปัญหาของประเทศ ก็คือนักการเมืองฝั่งตรงข้าม รวมถึง ส.ว. กกต. หรือข้าราชการบางคนนั่นเอง

และหนักไปกว่านั้น ตอนนี้ก็เริ่มมีการ ‘โยง’ วาทกรรมดังกล่าวเข้ากับสถาบันพระมหากษัตริย์ และโจมตีใส่ความว่า ที่พรรคของพวกเขาไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ก็เพราะโดน ‘ใบสั่ง’ มาจากเบื้องบน

ทั้งๆ ที่ตามระบอบการปกครองของประเทศไทยนั้น ในหลวงท่านทรงอยู่เหนือการเมืองมาตั้งแต่แรกแล้ว พระองค์ไม่สามารถควบคุมการเมืองในสภาได้ เพราะระบอบรัฐสภาเป็นใหญ่ ยังไงก็ใหญ่กว่าสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว พระองค์จะไปสั่งอะไรใครได้

และการพยายามสร้างภาพผู้ร้ายหรือปีศาจที่เป็นต้นเหตุของความผิดให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ สังเกตให้ดีว่า คนกลุ่มนี้มักจะกล่าวหากันแบบลอยๆ ไม่มีหลักฐาน และพอความจริงปรากฏก็มักจะเงียบหายไปแบบเนียนๆ โดยไม่เคยออกมารับผิดชอบอะไรเลย

ในความคิดของคนพวกนี้ เป้าหมายที่จะโยนความผิดให้กลายเป็น ‘ปีศาจ’ ได้ง่ายที่สุด ก็คือพระมหากษัตริย์นี่แหละ เพราะเมื่อถูกกล่าวหา พระองค์ไม่สามารถลงมาแก้ต่างใดๆ ได้

นี่คือวิธีการสร้างวาทกรรมที่คนกลุ่มนี้ใช้หล่อเลี้ยงมวลชนฝั่งตัวเองมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นวาทกรรม เบื้องบนสั่งมา นิติสงคราม และล่าสุดคือ งบเลือกตั้ง 6 พันล้านสูญเปล่า หรือ ประชาชน 14 ล้านเสียงเลือกแล้ว ซึ่งชัดเจนว่าการทำแบบนี้เป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเลย และเป็นการอ้างเสียงคนแค่บางส่วนแล้วเหมารวมว่าเป็น ‘ประชาชน’ทั้งประเทศ ซึ่งก็ต้องถามกลับไปว่า แล้วประชาชนที่ไม่ได้อยู่ใน 14 ล้านเสียงนั้นไม่ใช่ประชาชนคนไทยหรือ?

แถมประชาชนที่พวกเขาอ้างนั้น สุดท้ายก็เป็นแค่ ‘เบี้ยหมาก’ หรือ ‘เครื่องมือ’ เพื่อบรรลุผลทางการเมืองเท่านั้น