ผ่าแนวคิดอันตราย ‘สิทธิในการกำหนดใจตนเอง’ คำสวยหรูที่ปูทางสู่การ ‘แยกดินแดน’ ชายแดนใต้

จริงๆ แล้ว “สิทธิในการกำหนดใจตนเอง” (self-determination) เป็นแนวคิดที่มีความหมายค่อนข้างคลุมเครือ และเป็นเรื่องเชิงเทคนิคอยู่มาก แต่ถ้าจะพูดแบบสรุป แนวคิดนี้คือการ “อนุญาตให้ปูทางไปสู่การแยกตัวเป็นรัฐเอกราชได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ” แถมได้รับการยอมรับโดยสหประชาชาติ หรือ UN อีกด้วย

ใครนึกไม่ออกให้มองกรณีของ ติมอร์-เลสเต ที่ได้รับเอกราชตามแนวทางนี้ จากการช่วยเหลือของ UN เมื่อปี 2542 ซึ่งโมเดลของติมอร์-เลสเต นี่แหละครับคือรูปแบบที่ขบวนการ BRN อยากจะให้เป็น และนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนใต้ของไทยในที่สุด

อันที่จริงแนวคิด “สิทธิในการกำหนดใจตนเอง” เป็นสิ่งที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเอามาอ้างเพื่อจะได้รับเอกราชมานานแล้ว แต่ต่างชาติเขาไม่เล่นด้วย เพราะเขามองพวกนี้เป็นแค่พวกก่อการร้ายหรือผู้ก่อความไม่สงบ

แต่หลังจากปี พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป เพราะการก่อเหตุความรุนแรงเหมือนจะมีแนวโน้มลดลงจากการแตกกันเองของกลุ่ม BRN ทำให้กลุ่มขบวนการนี้เริ่มคิดที่จะเอาเรื่อง “สิทธิในการกำหนดใจตน” มาเจรจาต่อรองกับรัฐบาลไทยโดยตรง

ทว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 รัฐบาลไทยก็ยืนยันหนักแน่นว่าจะให้สถานะการต่อรองเป็นแค่ “การพูดคุยสันติสุข” (Peace Talk) เท่านั้น ไม่ใช่ “เจรจาสันติภาพ” เพราะในมุมมองความมั่นคง การใช้คำว่า “เจรจาสันติภาพ” เท่ากับว่าเป็นการยอมรับสภาวะสงครามภายในประเทศ พูดง่ายๆ ก็คือ มี “สงคราม” จึงต้องมี “การเจรจา” แถมยังเป็นการไปยกขบวนการ BRN ให้มีสถานะ “เทียบเท่ากับรัฐ”

ซึ่งเรื่องนี้คนไทยยอมไม่ได้หรอกครับ จะไปยอมให้โจรก่อการร้ายที่ก่ออาชญากรรมฆ่าคนเป็นหมื่นๆ มีสถานะเทียบเท่ากับรัฐบาลไทยในฐานะคู่เจรจาได้ยังไง ซึ่งการใช้คำผิดเพี้ยนแม้จะแค่เล็กน้อยแบบนี้ อาจจะเป็นการเสียรู้จนกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้านได้

สำหรับประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า สุดท้ายแล้วแนวคิด “สิทธิในการกำหนดใจตนเอง” จะเอามาใช้กับกรณี 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้หรือไม่? ขอตอบว่า ตามเงื่อนไขของกฎหมายระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นโดย UN นั้น กรณีของปัตตานีถือว่า “ไม่ตรงตามเงื่อนไข” ใดๆ เลย ส่วนจะไม่ตรงแบบไหน? ยังไง? ฤๅ มีคำตอบชัดๆ อยู่ในคลิปวิดีโอนี้แล้ว

นี่คือข้อเท็จจริงที่พวกนักการเมือง นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหวสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนพูดไม่หมดหรือปกปิดไม่ยอมพูดถึง แล้วพยายามปักธงแนวคิดนี้เพื่อนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน ซึ่งหากรัฐบาลไทยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอนาคต ดันไปทำให้ความต้องการในการกำหนดใจตนเองของปัตตานีเป็นจริงขึ้นมา ด้วยการยกระดับให้ขบวนการ BRN มีสถานะเทียบเท่ากับรัฐบาลไทยในฐานะผู้เจรจาสันติภาพ หรือด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิกมาตรา 1 ทิ้ง หรือแม้กระทั่งอนุญาตให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงในฐานะตัวกลางไกล่เกลี่ย

เมื่อนั้นแหละครับ ที่ปัตตานีจะถูกแยกออกจากประเทศไทยในที่สุด

เพราะฉะนั้นนับจากนี้ไป ขอให้พวกเราช่วยกันจับตาดูขบวนการสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนนี้ให้ดีๆ ครับ

อ้างอิง :

[1] self determination (international law)
[2] The Patani. The Freedom to Decide Our Future: Patani People Call for a Peaceful Settlement (2019)
[3] Nik Anuar Nik Mahmud. The Malays of Patani.(2008)
[4] อิบรอฮิม ชุกรี. Sejarah Melayu Patani หรือ ประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรมลายูปะตานี. (เอกสารสำเนา)

TOP
y

Emet nisl suscipit adipiscing bibendum. Amet cursus sit amet dictum. Vel risus commodo viverra maecenas.

r

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า