วิเคราะห์เบื้องลึก ‘กรณีการสวรรคตของรัชกาลที่ 8’ และความสูญเสียของราชสกุลมหิดล ผู้ถูกกล่าวหาอย่างอยุติธรรม

กรณีการสวรรคตของรัชกาลที่ 8 แม้จะมีการตัดสินคดีความไปแล้ว แต่ในความรู้สึกของคนไทย เรื่องนี้ยังนับว่าเป็นปริศนาดำมืดอยู่ และจากอดีตจนถึงปัจจุบันก็ได้มีหนังสือเกี่ยวกับกรณีสวรรคตออกมามากมาย ทั้งจากแพทย์ผู้ชันสูตรพระบรมศพ หรือจากนักวิชาการที่ได้ทำการค้นคว้าศึกษาจากหลักฐานข้อเท็จจริง และนำเสนอมุมมองที่แตกต่างกันไปเกี่ยวกับกรณีการสวรรคต

วันนี้ ฤๅ ได้พูดคุยกับพี่หมู ปัณฑา พล ผู้เขียนหนังสือ “ไขปริศนากรณีสวรรคต ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๘” ซึ่งมาจากการค้นคว้าหลักฐานข้อเท็จจริงอย่างเข้มข้น และได้นำเสนอมุมมองต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจ

ประเด็นหนึ่งที่อยากพูดถึงคือ เราไม่ต้องการฟันธงใดๆ ลงไปเกี่ยวกับสาเหตุการสวรรคต ท่ามกลางกระแสบิดเบือนชี้นำจากผู้ไม่หวังดีที่เกลื่อนโลกออนไลน์อยู่ในทุกวันนี้

แต่สิ่งที่อยากให้ตระหนักคือ ในการรับข้อมูลข่าวสารใดๆ ก็ตาม การคิด วิเคราะห์ แยกแยะ เท่านั้นจะนำไปสู่ “ความจริง” เพียงหนึ่งเดียว และจะทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของการบิดเบือนกล่าวหาด้วยข้อมูลเท็จ ซึ่งเป็นสาเหตุของความแตกแยกในปัจจุบัน

คลิปวิดีโอนี้ เป็นการพูดคุยประเด็นสำคัญเกี่ยวกับกรณีการสวรรคตของรัชกาลที่ 8 ซึ่งหากวิเคราะห์จากหลักฐานต่างๆ ที่มีการพูดถึงไว้ ก็ยิ่งทำให้เห็นข้อเท็จจริงที่ “หักล้าง” คำกล่าวหาของผู้ไม่หวังดี ที่พยายามกล่าวหารัชกาลที่ 9 และ สมเด็จย่า ในกรณีการสวรรคตของรัชกาลที่ 8 ได้อย่างชัดเจน

ไม่ว่าจะเป็นคำกล่าวหาเรื่อง การจงใจทำลายหลักฐานในวันเกิดเหตุ , การพยายามปกป้องรัชกาลที่ 9 ของสมเด็จย่า หรือแม้แต่การนำประโยคคำพูดของรัชกาลที่ 9 มาบิดเบือนและเชื่อมโยงไปสู่คำกล่าวหาพระองค์อย่างชั่วร้าย

การบิดเบือนกล่าวหาเหล่านี้ล้วนถูก “หักล้าง” ได้ด้วยข้อเท็จจริงแทบทั้งสิ้น ซึ่งอันที่จริง ไม่ใช่เรื่องยากเกินทำความเข้าใจเลย ถ้าหากลองคิดวิเคราะห์ตามหลักฐาน รวมถึงข้อมูลที่มีผู้ค้นคว้าและนำเสนอออกมาแล้วมากมายข้างต้น

เหนืออื่นใด จากข้อเท็จจริงแวดล้อมต่างๆ เหล่านี้ ยังสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ในห้วงเวลานั้น “ราชสกุลมหิดลมิได้มีพระราชอำนาจใดๆ เลย” หากแต่เป็นเพียงครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งที่ต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง และแทบจะไม่ได้รับการเหลียวแลใส่ใจจากรัฐบาลในขณะนั้นเลย

กระทั่งทุกวันนี้ ในหลวงภูมิพล และ สมเด็จย่า แทนที่จะได้รับความเป็นธรรม ท่านยังกลับถูกกล่าวหาไปในทางตรงกันข้าม จากคนกลุ่มหนึ่งที่มักออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับใครต่อใครมากมาย แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับตัดสินผู้อื่นด้วยอคติจากข้อมูลที่รับมาแบบผิดๆ แล้วส่งต่อความเท็จกันไปตามกระแส และเมื่อความจริงปรากฏ คนเหล่านี้ก็ไม่เคยออกมาขอโทษหรือสำนึกอะไรใดๆ เลย

ถามว่าคนพวกนี้ยังมีความยุติธรรมในจิตใจอยู่อีกหรือ ?