โครงการพระราชดำริกับความยั่งยืน

หลังจากที่ในหลวงได้ทรงคิดค้น ทดลอง และพระราชทานคำแนะนำให้แก่รัฐบาลแล้ว ก็ถือเป็นอำนาจของภาครัฐ ที่จะนำไปปฏิบัติให้เกิดผล ซึ่งโครงการพระราชดำริ มีหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ เป็นผู้รับผิดชอบและบริหารโครงการเหล่านั้นมาโดยตลอด และยังได้รับการสานต่อจากในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ได้ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด โครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 จนสำเร็จลุล่วงไปแล้วมากมาย ถือเป็นสิ่งยืนยันในความ “ยั่งยืน” ของโครงการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

โดยโครงการพระราชดำริ มีการจดทะเบียนตามข้อบังคับกฎหมาย มีผู้ดูแลจัดการทรัพย์สินอย่างถูกต้อง และสามารถตรวจสอบได้

อีกทั้งยังมีโครงการส่วนพระองค์ ที่ในหลวงได้ทรงคิดค้น ทดลอง และริเริ่มขึ้นด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นการพัฒนานำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย เป็นการเพิ่มความคล่องตัว และช่วยอุดรอยรั่วให้กับภาครัฐ ในการดูแลพัฒนาพื้นที่บางแห่งที่ยังทุรกันดานอยู่

แม้ว่าตามรัฐธรรมนูญ ในหลวงจะไม่จำเป็นต้องลงมาทำหน้าที่เหล่านั้นเอง แต่ในความเป็นจริงฝ่ายการเมืองมีความวุ่นวายอยู่ตลอด แต่ความเดือดร้อนของราษฎรเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ พระองค์จึงไม่รอและทรงลงมือทำในสิ่งที่พระองค์ทรงทำได้ เพื่อให้ราษฎรมีความเข็มแข้งและยืนบนลำแข้งของตนได้ โดยไม่ต้องรอแต่ความช่วยเหลือจากภาครัฐ

หากเราเปิดใจให้กว้าง แล้วมองดูรอบ ๆ ตัว จะเห็นได้ว่า ทุกที่ที่ในหลวงท่านเสด็จไป ทุกโครงการที่ท่านทำมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 เกือบ 70 ปี ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่การสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนเท่านั้น แต่มันคือความยั่งยืน เป็นการต่อยอดไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของพสกนิกรชาวไทยตลอดชั่วลูกชั่วหลาน