14 ตุลา 2516 รำลึกเหตุการณ์วันมหาวิปโยค กับเรื่องราวของชายชื่อ “ชัย”

ภาพรวมของเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่ถูกบันทึกบนหน้าประวัติศาสตร์คือ การรวมพลังของนิสิตนักศึกษาและประชาชนเพื่อต่อสู้กับอำนาจเผด็จการของรัฐบาลในขณะนั้น จนเกิดการปะทะและเข้าปราบปรามของกำลังตำรวจทหาร จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

นอกจากบันทึกการต่อสู้และความสูญเสียในวันมหาวิปโยคที่ถูกขีดเขียนเอาไว้มากมายนั้น ยังมีเรื่องราวจากความทรงจำของผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงในวันนั้น ซึ่งถือเป็นบันทึกชิ้นสำคัญที่ทำให้เห็นภาพของเหตุการณ์ 14 ตุลา ในอีกมุมมองซึ่งหลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อน

ดังเช่นเรื่องราวของ คุณชัย ถนอมพันธุ์รักษ์ ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์วันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563

คุณชัยได้เข้าร่วมการชุมนุมเพื่อฟังคำปราศรัยของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2516 ในขณะที่กำลังเรียนอยู่ชั้น มศ.3 ด้วยวัยย่าง 18 ปี และร่วมอยู่ในเหตุการณ์ที่ทหารปราบปรามมวลชนในเช้าวันที่ 14 ตุลาคม พร้อมกับคำประกาศทางวิทยุเกี่ยวกับการก่อจลาจลของนักศึกษา

10 โมงเช้า วันที่ 14 ตุลาคม คุณชัยและผู้ชุมนุมอีกหลายคนได้เดินลัดเลาะไปตามถนนราชดำเนิน ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มุ่งหน้าไปยังโรงแรมรัตนโกสินทร์ ท่ามกลางเสียงปืน และรถพยาบาลที่ทยอยวิ่งสวนออกมา กระทั่งถูกสกัดกั้นด้วยแก๊สน้ำตาและกำลังเจ้าหน้าที่ทหารหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์

เมื่อไปต่อไม่ได้ คุณชัยจึงลัดเลาะไปตามท่อขนาดใหญ่ตรงคลองผดุงกรุงเกษม จนกระทั่งถึงบริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งเป็นจุดที่มีการสลายการชุมนุมด้วยอาวุธปืน รถถัง และเฮลิคอปเตอร์ ประชาชนหลายคนวิ่งข้ามสนามหลวงเข้าสู่ธรรมศาสตร์ หลายคนล้มลงที่ตรงนั้นท่ามกลางฝุ่นฟุ้งตลบ

ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หน่วยฟันเฟืองซึ่งเป็นอาสาสมัครนักเรียนอาชีวะหลายคน ช่วยกันแบกร่างผู้บาดเจ็บทยอยเข้ามา และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ คุณชัยซึ่งขณะนั้นเข้ามาอยู่ในบริเวณธรรมศาสตร์แล้ว ตั้งใจจะกลับออกไปช่วยผู้บาดเจ็บด้านนอก แต่ถูกกันไว้โดยรุ่นพี่นักศึกษา เนื่องจากภายนอกเป็นเขตพื้นที่อันตราย คุณชัยจึงลัดเลาะออกไปทางด้านฝั่งที่ติดกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเพื่อออกไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จนกระทั่งปะทะกับกำลังทหารพร้อมอาวุธครบมือที่ระดมยิงมาจากเกาะกลางถนน เหตุการณ์ในตอนนั้นคุณชัยได้เล่าว่า …

“โดนยิงด้านหลังจนล้มลงไป รู้สึกตัวแหละ แต่มันไม่เจ็บ ขยับไม่ได้ สักพักหนึ่งพอสิ้นเสียงปืน ประชาชนเค้าก็มาถาม ได้แต่พยักหน้าแล้วก็ไม่รู้สึก เค้าก็หอบลากกันไปคนละแขนคนละขาช่วยกันใหญ่ คอก็ร่องแร่งๆ เข้าธรรมศาสตร์กันไป ระหว่างทางหลับๆ ตื่นๆ และไปรู้สึกตัวอีกทีอยู่ฝั่งศิริราช เขาเข็นเตียงผมไปอยู่ใกล้ทางลาด

แล้วเข้าห้องฉุกเฉินไม่ได้เพราะคนมันเยอะ หายใจไม่ออก มารู้ที่หลังว่า นอนอ้าปากหายใจแล้ว ได้ยินหมอบอกว่าทำไมข้างหน้าไม่มีแผลเลย ทำไมมีแต่เลือดเต็มเตียงเลย ก็เลยจับคว่ำ ตัดเสื้อ ก็เลยเห็นว่า เลือดเต็มข้างหลังหมดเลย เลือดมันปุดๆ ขึ้นมา ได้ยินแต่หมอเค้าพูดนะแล้วก็หลับไปอีก …”

ที่ศิริราช คุณชัยรู้สึกตัวอีกครั้งบนเตียงผู้บาดเจ็บ ไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่มีเสียงปืน ไม่มีกำลังตำรวจทหารใดๆ … มีเพียงแม่ ที่รีบรุดจากบ้านฝ่าเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ ตรงมายังโรงพยาบาลทันที

“รู้สึกตัวอีกทีก็คือ แม่มา … แม่มาเรียก ซึ่งแม่เองเป็นคนจีนไม่เคยไปไหน ขายของอยู่แต่บางรัก ไปโรงพยาบาลได้ไง ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน คือตอนนั้นเค้าไม่ให้ผ่าน … แต่แม่ก็ไปถึง” คุณชัยเล่าให้ฟังด้วยแววตาคล้ายกำลังค้นลึกลงไปในความทรงจำ

คุณชัยถูกนำตัวเข้าห้องไอซียู ใช้เครื่องช่วยหายใจ และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานหลายวัน จนกระทั่งในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เสด็จมาทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลศิริราช พระองค์ทรงสอบถามถึงอาการของคุณชัย ซึ่งหมอได้กราบทูลว่า ยากมากที่จะมีโอกาสรอด เนื่องจากถูกยิงหลังพรุนทั้งสองข้าง และมีกระสุนนัดหนึ่งโดนก้านคอ ทำให้กระดูกคอแตกไปกดเส้นประสาท

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จึงรับสั่งให้หมอช่วยเหลือคุณชัยให้เต็มที่ เพื่อให้มีชีวิตรอด หากต้องการอะไรก็ให้หมอขอไป และทรงรับคุณชัยเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์

การรักษาตัวในโรงพยาบาลดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อาการบาดเจ็บเริ่มดีขึ้นตามลำดับ โดยแรกทีเดียวคุณชัยคิดว่าอีกไม่นานคงหายเป็นปกติ แต่เมื่อได้ทราบว่า หมอลงความเห็นว่าถึงแม้อาการจะหาย แต่อาจต้องพิการไปตลอดชีวิต ทำให้คุณชัยเศร้าโศกและทำใจไม่ได้อยู่นาน แต่ก็ได้กำลังใจจากแม่ ซึ่งคอยอยู่เคียงข้างมาตลอด ทำให้คุณชัยมีกำลังใจที่เข้มแข็ง จากประโยคของแม่ที่บอกว่า “อยากให้ลูกมีชีวิตอยู่ ยังไงแม่ก็เลี้ยงได้ ยังไงก็ยังได้คุย ยังได้เห็นหน้า อย่าพึ่งจากแม่ไปเลย”

ระหว่างรักษาตัวอยู่ที่ศิริราชนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงให้นางสนองพระโอษฐ์ไปเยี่ยมคุณชัยทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และให้คอยรายงานพระองค์ด้วยว่า อาการของคุณชัยเป็นอย่างไรบ้าง ต่อมาในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เสด็จไปยังศิริราชอีกครั้งเพื่อทรงเยี่ยมผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ รวมถึงตัวคุณชัยด้วย

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ยังได้รับสั่งกับคุณชัยว่า “ให้อดทนไว้ หมอเดี๋ยวนี้เก่งขึ้นเยอะ ขอเป็นกำลังใจให้ และขอให้หายเร็วๆ” อีกทั้งยังพระราชทานพระพร้อมสายสร้อย รวมถึงพระราชทานพระพุทธรูปให้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่คุณชัยอีกด้วย

ในขณะที่ผู้บาดเจ็บคนอื่นๆ รักษาตัวจนหายดี และทยอยออกจากโรงพยาบาลกันหมดแล้ว เหลือแต่คุณชัยเพียงคนเดียวซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ 14 ตุลา ที่ถึงแม้จะแข็งแรงดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่ ซึ่งในระหว่างนั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงห่วงใยและพระราชทานความช่วยเหลือ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่คุณชัยมาโดยตลอด จากที่คุณชัยได้เล่าว่า …

“ตอนอาการแข็งแรงขึ้น ท่านก็กลัวว่าเราจะเหงา ก็เลยขออนุญาตโรงพยาบาลว่า ไปข้างนอกได้ไหม หมอบอกไปได้ แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่ไปด้วยนะ เผื่อเป็นอะไรขึ้นมา ท่านก็เลยให้เข้าวัง ได้เข้าไป 2-3 ครั้ง ครั้งแรกไปดูเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ทรงเปียโน ท่านละเอียดมากนะ กลัวเราหนาว ให้ซื้อเสื้อหนาวมาให้ด้วย อีกครั้งหนึ่งก็ได้ไปงานทำบุญเลี้ยงพระ ยังได้ไปดูพระพุทธรูปของในหลวง เค้าเรียกว่าพระชัยหลังช้าง แต่ในหลวงท่านไม่ค่อยพูดนะ ท่านได้แต่ยิ้ม แล้ววันนั้นมีการเทศน์ ยังจำได้เลย พระญาณสังวรท่านขึ้นเทศน์ ท่านเทศน์เรื่องขันติ ปัจจุบันนี้ยังได้ใช้อยู่ คือ อดทน อดกลั้น …

14 ตุลา คนเจ็บเขากลับบ้านหมดแล้ว เหลือผมที่ยังอยู่ แล้วก็จากที่ไม่คิดว่าจะรอด หมอคนไหนก็บอกไม่รอด ในหลวงท่านใจดีฮะ … ท่านทำโดยไม่มีใครเห็น มีผมเห็น แล้วก็พี่น้อง แม่เห็น แม่ก็ได้เข้าวังด้วย ได้เข้าวังพร้อมกับผมนี่แหละ แล้วพยาบาลพี่เขาก็ได้เข้าวังตาม คนที่รู้ก็มีแค่เราไม่กี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ …

… ไม่เคยมีใครทำข่าว แล้วก็ไม่มีรูปด้วย เพราะเป็นการส่วนตัว พบกันก็ไม่มีเป็นกิจจะลักษณะแบบพิธีรีตอง เพียงแต่ว่าท่านสงสารเรา และคิดว่าเราไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเราไปเรียกร้องจริงๆ …”

คุณชัยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชอีกระยะหนึ่ง จนกระทั่งร่างกายแข็งแรงดีขึ้น จึงได้กลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งเรื่องราวที่คุณชัยได้ประสบพบเจอนั้น แม้จะเป็นความสูญเสียที่ใหญ่หลวงในชีวิต แต่ด้วยกำลังใจจากบุคคลที่สำคัญที่สุดอย่างคุณแม่ ซึ่งอยู่เคียงข้างมาโดยตลอด รวมถึงการได้รับพระราชทานความช่วยเหลือเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจจากในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ที่ไม่เคยทอดทิ้งพสกนิกรของพระองค์เลย สิ่งเหล่านี้ ทำให้คุณชัยมีกำลังใจที่เข้มแข็ง และมีมุมมองอย่างคนที่ “เข้าใจ” ในเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น จากคำพูดในช่วงท้ายต่อคำสัมภาษณ์ที่ว่า เกลียดทหารที่เขายิงไหม ซึ่งคุณชัยได้ตอบว่า …

“ไม่เกลียด … เพราะผมกับเขาไม่รู้จักกัน เขาทำตามหน้าที่เขา ผมก็ทำตามหน้าที่ มีชีวิตอยู่เพื่อแม่ ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองนะ พวกก่อม็อบที่ไฮปาร์คต่างๆ ไม่เคยเห็นมาเยี่ยม มีแต่คนของพระราชินี ท่านส่งคนมาเยี่ยม แล้วก็แม่ที่มาประจำ แล้วก็มีเพื่อนเรียนมา เพื่อนอำนวยศิลป์ก็มาเยี่ยม พอหลายปีผ่านไปก็ยิ่งหายไปกันใหญ่ ก็เหลือแต่แม่ กับคนของสมเด็จฯ ท่านมาเยี่ยม”

เรื่องราวของ คุณชัย ถนอมพันธุ์รักษ์ คือบทบันทึกซึ่งเป็นอีกหนึ่งมุมมองของเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ที่หลายคนอาจไม่เคยรับรู้มาก่อน โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้คนในสังคม จากเหตุการณ์ความรุนแรงอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ไทย

TOP
y

Emet nisl suscipit adipiscing bibendum. Amet cursus sit amet dictum. Vel risus commodo viverra maecenas.

r

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า