ไฟแค้นจาก “น้ำผึ้งหยดเดียว” กับ พระราชกระแสดับไฟ

ในอดีตที่ผ่านมา มีหลายครั้งที่เหตุการณ์ในประเทศไทยเรานั้น เกิดความไม่สงบ ทำท่าจะบานปลายจนรัฐบาลไม่สามารถที่จะควบคุมเอาไว้ได้ กลับสงบ จบลงได้ ด้วยพระราชกระแสของในหลวงภูมิพล ไม่ว่าจะเหตุการณ์เดือนตุลา หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

และเหตุการณ์จลาจลเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา พ.ศ. 2546 ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้แก่คนไทยทั้งชาติ และรวมตัวกันหน้าสถานทูตกัมพูชา หมายจะทุบทำลายสถานทูต เพื่อเป็นการเอาคืน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยแทบจะรับมือเอาไว้ไม่อยู่

แต่ด้วยการพระราชทานพระราชกระแสเตือนสติของในหลวงภูมิพล เหตุการณ์ที่กำลังจะบานปลายกลับจบลงด้วยความสงบลงโดยพลัน ท่ามกลางเสียงชื่นชมของนานาชาติ ถึงพระสติปัญญาอันหนักแน่นและเฉียบแหลมของในหลวงภูมิพล

พ.ศ. 2546 ท่ามกลางสถานการณ์การแข่งขันในศึกเลือกตั้งใหญ่ของกัมพูชา มีความพยายามของหนังสือพิมพ์ “รัศมี อังกอร์” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์เล็ก ๆ ฉบับหนึ่ง กุข่ามปลอม หวังปั่นกระแสชาตินิยมขึ้นมาว่า กบ สุวนันท์ คงยิ่ง กล่าวว่า กัมพูชาขโมยนครวัดไปจากไทย และดูถูกชาวกัมพูชา

ข่าวปลอมดังกล่าวได้ถูกปลุกปั่นขึ้น สร้างความโกรธแค้นให้แก่ชาวกัมพูชาหลายกลุ่ม ซ้ำร้าย แม้แต่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฮุนเซ็น ยังปราศรัยกล่าวโจมตีกบ สุวนันท์ อีกทั้งคณะผู้บริหารสถานีโทรทัศน์กัมพูชายังมีมติให้ทุกสถานีหยุดออกอากาศรายการโทรทัศน์ของไทยทั้งหมดเอาไว้ก่อน

ภายใต้การปั่นกระแสกันเป็นช่วง ๆ และการรับข่าวปลอมไปพูดต่อ โดยมิได้พิจารณาถึงข้อเท็จจริงนี้เอง ที่กลายเป็นดาบคืนสนองที่ย้อนแทงทางการกัมพูชา เมื่อมีฝูงชนจำนวน 500 คน รวมตัวกันชุมนุมหน้าสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ ถือป้ายประท้วง และด่าทอกบ สุวนันท์อย่างหยาบคาย มีการนำธงชาติไทยมาเหยียบย่ำ และเผาทำลายอีกด้วย

ต่อมา ฝูงชนลุกฮือกันเข้าไปเผาทำลายสถานทูตกัมพูชา จนเจ้าหน้าที่สถานทูตหนีตายกันอลหม่าน ก่อนจะออกตะเวนไปเผาทำลายโรงแรมและห้างร้านที่เป็นกิจการของคนไทย ซึ่งภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ได้ถูกถ่ายทอดออกอากาศถึงเมืองไทยด้วยเช่นกัน

ภาพสถานทูตถูกเผา กิจการคนไทยถูกทำลาย เพื่อนร่วมชาติหนีตาย ยังไม่สร้างความโกรธแค้นให้คนไทยทั้งชาติเท่าภาพ “พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงภูมิพลถูกเหยียบ”

ทันทีที่ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกอากาศ คนไทยต่างพากันออกจากบ้าน ไปรวมตัวกันหน้าสถานทูตกัมพูชา บนถนนราชดำริโดยมิได้นัดหมาย อีกทั้ง ภาพดังกล่าว ได้ถูกเผยแพร่ออกทางอินเทอร์เน็ท ทำให้ยิ่งเวลาผ่านไป คนไทยก็ยิ่งออกมาจำนวนมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ

ฝูงชนชาวไทย ซื้อโลงศพ และธงชาติกัมพูชามาเผาทำลาย เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หน้าสถานทูต แต่เนื่องด้วยจำนวนคนที่มากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ และไร้การควบคุม ทำให้ผู้ชุมนุม เริ่มมีความพยายามที่จะฝ่าแนวป้องกันของตำรวจควบคุมฝูงชนเข้าไปเผาทำลายสถานทูตกัมพูชาเพื่อเอาคืน

ผู้ชุมนุมที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ บางส่วนเดินทางกันมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาร่วมในการชุมนุม มีการปลุกปั่นกระแสความรักในหลวง และความเกลียดชังชาวกัมพูชา มีการร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา สลับกับการปราศรัยยั่วยุให้มีการขับไล่ชาวกัมพูชาออกนอกประเทศ จนกระทั่ง มีเริ่มมีการกระชับพื้นที่ รื้อถอนรั้วกั้นของตำรวจ ขว้างปาสิ่งของเข้าไปในสถานทูตกัมพูชา มีการรื้อถอน ทุบทำลายสถานทูตกัมพูชาไปบ้างแล้วบางส่วน

ในขณะที่สถานการณ์กำลังจะบานปลายจนเกินกำลังการควบคุมของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน พลตำรวจเอก สันต์ ศรุตานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้อัญเชิญพระราชกระแสของในหลวงภูมิพลมายังฝูงชนว่า

“เราเป็นพระเอกแล้ว ในสายตาของชาวโลกเราเป็นฝ่ายถูก อย่าทำตัวให้เป็นผู้ร้ายไปเลย ให้ประชาชนอยู่ในความสงบ อย่าทำอะไรรุนแรง ขอขอบใจในความจงรักภักดี”

หลังจากที่ฝูงชนรับพระราชกระแสดังกล่าว ก็หยุดการทุบทำลาย ขว้างปาสิ่งของในทันที ก่อนจะรวมตัวกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีเพื่อถวายความจงรักภักดี ก่อนจะแยกย้ายกันไปอย่างสงบ

ข่าวการสลายการชุมนุมราวปาฎิหาริย์นี้ ได้ถูกเผยแพร่ไปยังสำนักข่าวทั่วโลก ซึ่งล้วนแต่ชื่นชมประทับใจในพระมหากรุณาธิคุณต่อทั้งสองประเทศ ช่วยยุติความขัดแย้งระหว่างชาติลงได้ด้วยพระสติปัญญา

เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติและเป็นองค์กรสำคัญในการยุติความขัดแย้งระหว่างประเทศ ในหลวงภูมิพล ทรงเป็นตัวแทนของสติของชาติ ที่ยับยั้งอารมณ์ที่คลั่งแค้นของคนไทยเอาไว้ มิให้ขาดสติจนสถานการณ์บานปลาย รักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนไทยและชาวกัมพูชาเอาไว้ได้ ตราบจนปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังเป็นบทเรียนของการปั่นกระแสความเกลียดชังด้วยการใช้ข่าวปลอม จนแทบจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่ได้ และทางการกัมพูชาต้องจ่ายเงินชดใช้ต่อทางการและเอกชนไทย ซึ่งนับเป็นบทเรียนราคาแพงของทางการกัมพูชา ซึ่งพวกเราชาวไทยก็ควรจะทบทวนบทเรียนความผิดพลาดนี้ไว้ และไม่ปล่อยให้การปลุกปั่นกระแสความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ บ่อนทำลายประเทศชาติ และความสามัคคีของคนไทยเราทุกคน