เจาะประเด็น! ทำไมผู้ชุมนุมประท้วงจึงโดนคดี ม.112 ข้อเท็จจริงง่ายๆ ที่หลายคนแกล้งไม่เข้าใจ

มีสื่อบางสำนักพยายามชี้นำว่า กฎหมายมาตรา 112 เป็นอาวุธที่รัฐใช้รังแกประชาชน จากการอ้างว่ากลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองออกมาเคลื่อนไหวอะไรก็ถูกดำเนินคดี มาตรา 112 ไม่ว่าจะออกมาปราศรัย อ่านแถลงการณ์ พูดอะไรนิดๆ หน่อยๆ หรือแม้แต่ใส่ชุดไทยก็ยังถูกดำเนินคดี เท่ากับว่า มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ใช้ลิดรอนเสรีภาพของประชาชนอย่างชัดแจ้ง

ซึ่งทั้งหมดข้างต้นเป็นการบิดเบือนของสื่อที่ตั้งใจพูดความจริงไม่หมด แล้วชี้นำเบี่ยงประเด็นให้คนเข้าใจผิด

เพราะความจริงแล้ว การที่ใครจะถูกดำเนินคดีความผิด มาตรา 112 ได้ จะต้องมีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายว่ามีความผิดจริง ซึ่งพฤติการณ์เหล่านี้มีอะไรบ้าง แล้วแบบไหนถึงจะเรียกได้ว่าเข้าข่ายมีความผิด วันนี้ ฤๅ จะมาอธิบายข้อเท็จจริงของหลายๆ กรณีที่มีการดำเนินคดี มาตรา 112 ซึ่งมีบางสื่อชอบยกมากล่าวถึงแบบพูดความจริงไม่หมด

การปราศรัยบนเวทีที่ชุมนุม

มีบางคนอ้างว่าแค่ปราศรัยบนเวทีชุมนุม ก็ถูกดำเนินคดีข้อหา มาตรา 112 แล้ว ซึ่งคำกล่าวอ้างนี้ไม่ถูกต้อง เพราะเราต้องดูด้วยว่า เนื้อหาของการปราศรัยบนเวทีนั้นมีอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่พูดเรื่องรัฐบาล การเมือง นโยบาย การทุจริตคอร์รัปชัน แต่เนื้อหากลับเลยเถิดไปถึงการดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระราชินี

หากจะกล่าวโดยละเอียดคือ จะต้องดูบันทึกข้อกล่าวหาที่พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้แจ้งต่อผู้ปราศรัยในการชุมนุม ได้แก่ พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, ภาณุพงศ์ จาดนอก และปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม ซึ่งบันทึกข้อกล่าวหาก็ระบุชัดเจนว่า คำปราศรัยของบุคคลเหล่านี้เป็นการใส่ความ กล่าวหาผู้อื่นฝ่ายเดียว ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันและเป็นการพูดในทางที่ทำให้พระมหากษัตริย์อาจได้รับความเสียหายนั่นเอง

การอ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูตเยอรมนี

สำหรับม็อบหน้าสถานทูตเยอรมนี หากพิจารณาจากรายละเอียดจะเห็นว่า บันทึกแจ้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้บรรยายไว้ด้วยว่า เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกถือเป็นการจาบจ้วง ปลุกเร้าให้ผู้ชุมนุมมีความรู้สึกดูหมิ่นเกลียดชัง และมีเจตนาที่จะให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย

และการที่มีคนออกมาแย้งว่า ข้อความในแถลงการณ์ ผู้ก่อเหตุยืนยันว่าเป็นแค่การตั้งคำถาม ไม่ได้มีการดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาดมาดร้ายเลย ก็ต้องถามกลับไปว่าแน่ใจหรือว่ามีแค่นี้ จริงอยู่ที่ว่าอาจมี “บางข้อความ” เป็นข้อความเชิงตั้งคำถาม แต่อย่าลืมว่า มาตรา 112 มีหลักเกณฑ์เดียวกันกับความผิดอาญาฐานดูหมิ่น และหมิ่นประมาท ในทางเนื้อหาต่างกันเพียงแค่ มาตรา 112 นั้น ผู้ถูกดูหมิ่น หมิ่นประมาทเป็นพระมหากษัตริย์เท่านั้นเอง ดังนั้น เมื่อมาตรา 112 ใช้องค์ประกอบทางกฎหมายเดียวกับข้อหาดูหมิ่น หมิ่นประมาท นั่นหมายความว่า การตั้งคำถามในลักษณะชี้นำ หรือการกระทำใดๆ ที่แม้จะไม่ต้องพูดออกมา เพียงแค่แสดงออกให้เห็น ก็เป็นความผิดฐานดูหมิ่นได้

ประเด็นนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญ เพราะมีหลายคนมักเอาไปพูดกันตลอดว่า แค่ประชาชนตั้งคำถามกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วทำไมต้องโดนดำเนินคดี มาตรา 112 ด้วย

การล้อเลียนเสียดสี

เช่นกรณีประโยค “กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ” ที่บางคนบอกว่า พูดแค่นี้ทำไมถึงถูกแจ้งดำเนินคดี มาตรา 112 ก่อนอื่นประโยคนี้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า เป็นประโยคที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 ตรัสกับพสกนิกรที่มารอรับเสด็จ แล้วต่อมาก็มีคนเอาประโยคนี้ไปขยายต่อในอินเทอร์เน็ต มีคนเอาไปพูดล้อเลียนเสียดสี หรือเอาไปใช้ประกอบพฤติการณ์ล้อเลียนเสียดสี ที่สื่อได้ว่าจะเป็นไปในทางที่ทำให้ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเสียหาย ถูกด้อยค่า ถูกดูหมิ่น ซึ่งแน่นอนว่าพฤติการณ์เหล่านี้เข้าข่ายความผิด มาตรา 112

พิมพ์-แจกหนังสือ

กรณีนี้คือหนังสือถอดเทปคำปราศรัย “ปรากฎการณ์สะท้านฟ้า 10 สิงหา ข้อเรียกร้องว่าด้วยสถาบันกษัตริย์” ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ที่ถูกตำรวจ สภ.คลองหลวง นำมาแจ้งข้อหา มาตรา 112 โดยหนังสือเหล่านี้ มีเนื้อหาชัดเจนที่แม้เบื้องหน้าเป็นการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เนื้อหาข้างในกลับเป็นการใส่ความในหลวง โดยมีการกล่าวหาแบบเลื่อนลอย ไม่มีหลักฐาน มีแต่การนำเสนอความเห็นมากกว่าข้อเท็จจริง

การแต่งชุดไทย หรือการแต่งกายเลียนแบบ

ประเด็นนี้ทีมงาน ฤา ได้เคยเอามาขยายความไปแล้วว่า องค์ประกอบความผิดฐาน 112 นั้น มีการรวมองค์ประกอบข้อหาดูหมิ่น และหมิ่นประมาททางอาญาเอาไว้ด้วย กล่าวคือ ตามประมวลกฎหมายอาญาภาค 3 ความผิดลหุโทษในมาตรา 393 บัญญัติว่า “ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

การดูหมิ่น คือการกระทำ การเหยียดหยาม การสบประมาท การทำให้อับอาย ซึ่งอาจจะเป็นการกระทำโดยทางกาย หรือวาจาก็ได้ และการกระทำนั้นเป็นการลดคุณค่าผู้ถูกดูหมิ่นลงโดยผู้ที่หมิ่น ดังนั้นจึงอาจเป็นคำด่า คำหยาบ สบประมาท ล้อเลียนเสียดสีให้ผู้ถูกดูหมิ่นถูกด้อยค่า

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

และการที่ศาลจะพิจารณาว่า พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท ที่ทำให้ผู้ถูกหมิ่นเสียเกียรติ เสียชื่อเสียง ถูกลดคุณค่า หรือถูกเกลียดชังหรือไม่นั้น จะพิจารณาจากความรู้สึกนึกคิดของคนทั่วๆ ไป ไม่ได้พิจารณาจากความเห็นหรือความรู้สึกของผู้ใส่ความหรือผู้ถูกใส่ความเพียงอย่างเดียว ดังนั้น แม้คนที่ถูกกล่าวหาว่าทำความผิด มาตรา 112 จะอ้างว่า ไม่เคยระบุเฉพาะเจาะจงถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 หรือสมเด็จพระราชินีเลย แต่ถ้าพฤติการณ์ของพวกเขามีการกระทำที่บ่งชี้ได้ว่า มีเจตนาล้อเลียนเสียดสีที่เข้าข่ายการดูหมิ่น หมิ่นประมาทตามที่ระบุไว้ข้างต้น ยังไงเสียก็มีความผิดอยู่ดี

เน้นย้ำว่า องค์ประกอบความผิดเหล่านี้ ไม่ได้มีแต่เฉพาะความผิด มาตรา 112 เท่านั้น แต่ยังเป็นองค์ประกอบความผิดฐานดูหมิ่น หมิ่นประมาททั่วไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น ดารานักแสดงบางคน ทำตัวเป็นผู้สนับสนุนม็อบหมิ่น จัดหารถตู้ บริหารงานการ์ด และส่งน้ำส่งอาหาร ต่อต้านมาตรา 112 แต่ในอีกด้านหนึ่ง ตัวเองยังมีการใช้กฎหมายอาญาฐานหมิ่นประมาทจัดการคนที่มาใส่ความตนเองจนเกิดการนำคดีขึ้นสู่ศาลนั่นเอง

จากรายละเอียดทั้งหมดสรุปได้ว่า ถ้าจะพูดถึงคนที่ถูกดำเนินคดี มาตรา 112 เราต้องพูดคุยกันในประเด็นที่ว่า มีการดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ด้วยพฤติการณ์อย่างไร บุคคลเหล่านั้นจึงถูกดำเนินคดี มาตรา 112 ไม่ใช่ออกมาบิดเบือนว่า แค่ปราศรัยบนเวทีชุมนุมก็โดน มาตรา 112 อ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูตก็โดน พิมพ์หรือแจกหนังสือก็โดน หรือแค่แต่งชุดไทยก็ถูกแจ้งความฐานผิด มาตรา 112

ส่วนในทางคดีนั้น ที่มีการพูดกันว่ากฎหมายมาตรา 112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อกลั่นแกล้งกัน ในทางข้อเท็จจริงก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เนื่องจากคดี มาตรา 112 เป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อน พนักงานสอบสวนเพียงคนเดียวไม่สามารถที่จะมีอำนาจสรุปสำนวนการสอบสวนได้เอง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาสำนวนก่อนส่งพนักงานอัยการฟ้องนั่นเอง

ทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ มาตรา 112 ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ยากเย็นเกินทำความเข้าใจเลย เพียงแต่คนที่ไม่ยอมเข้าใจก็น่าจะเป็นเพราะอคติส่วนตัว หรือต้องการยกเลิกมาตรา 112 ด้วยจุดประสงค์บางอย่างมากกว่า

ที่มา :

[1] ม.112 : เปิดสำนวนตำรวจ ทำอะไรถึงเข้าข่าย “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ”

TOP
y

Emet nisl suscipit adipiscing bibendum. Amet cursus sit amet dictum. Vel risus commodo viverra maecenas.

r

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า