‘ยาดม’ ซอฟท์พาวเวอร์ไทย ที่ผูกใจเกาหลีญี่ปุ่น ผ่านรูจมูก!

บทความโดย : วังสามจันทร์

ซอฟท์พาวเวอร์ไทยนี่ถ้าดูกันดี ๆ ก็เอาเรื่องอยู่นะครับ

ช่วงที่ผ่านมานี้ นอกจากชุดไทย หรืออาหารที่กรีฑาทัพกันออกไปสร้างชื่อให้กับวัฒนธรรมไทยในต่างแดนแล้ว ที่จริงก็ยังมีอีกหลายอย่าง ที่ทยอยสร้างความประทับใจให้ชาวต่างชาติเงียบ ๆ แต่รุนแรงแบบคลื่นใต้น้ำ เช่น สาหร่ายทอด นมอัดเม็ด ยาหม่อง แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงไอเทมชิ้นหนึ่ง ที่ไม่ใช่แค่ครองใจคนทั่วไป แต่เป็นระดับดารายอดฮิตของเกาหลียังหลงใหล นั่นคือ ‘ยาดม’

ยาดมไทยนั้นสากลและไปไกลกว่าที่เราคิด เมื่อเป็นที่พิสูจน์แล้วว่า หากใครได้ลองก็เป็น ‘ติด’ กันแทบทุกคนแบบไม่สนเชื้อชาติหรือฐานะ ตัวอย่างชิ้นโตที่ต้องพูดถึงคือเหล่าไอดอลเกาหลี และวงระดับโลกที่เป็นเหยื่ออย่าง Got7, Blackpink และวง Gidle ในรายของ แจ็คสัน หวัง เขยไทยชื่อดังนั้นชัดเจน เพราะแฟน ๆ ถึงขนาดซื้อยกแผงยื่นให้กันหน้าเวทีจนกลายเป็นภาพจำ อันที่จริงการระบาดไปในวงการไอดอลเกาหลีก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะจุดร่วมของทุกกลุ่มคือมีสมาชิกเป็นคนไทย แต่ระดับความดังที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา ทำให้ยาดมนั้นถูกโปรโมทไปไกลเป็นวงกว้างเหลือเชื่อ

เกาหลีว่าดังแล้ว ในญี่ปุ่นนั้นก็ไม่เบา แต่จุดเริ่มต้นนั้นต่างไปนิดตรงที่ ‘ยาดมไทย’ เริ่มระบาดจากรายการวาไรตีรายการหนึ่ง ที่จุดประเด็นสะกิดสังคมด้วยคำถามกวนประสาทว่า ‘ทำไมคนไทยถึงต้องมียาดมคาไว้ที่จมูก?’ ด้วยความน่าประหลาดใจระคนน่ารักนั้นทำให้เกิดการพูดถึงเป็นวงกว้าง และนั่นก็ทำให้ยาดมกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของคนไทยในสายตาชาวญี่ปุ่นไปในทันที

โดยเหตุการณ์ที่สนับสนุนความคิดนี้ก็คือ ในการเปิดตัว เจ-ชนาธิป สงกระสินธุ์ นักเตะไทยที่ย้ายไปที่สโมสร คาวาซากิ ฟรอนตาเล ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยาดม ได้ถูกเลือกไปเป็นตัวแทนความเป็นไทยของเจ มันถูกสั่งทำเป็นเวอร์ชันพิเศษโดยพิมพ์ลาย ‘ฟรอนตาคุง’ มัสคอตของสโมสรลงไป โดยสนนราคาของมันคือ 495 เยน (ราว 125 บาทไทย) แถมขึ้นขายที่ออฟฟิเชียลสโตร์อย่างออกหน้าออกตาอีกด้วย

ถ้าจะถามว่ายาดมเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นขนาดไหนน่ะหรือ ก็เอาเป็นว่ามีการบัญญัติเรียกชื่อว่า ‘ยาโดมุ’ กันเลยก็แล้วกัน

จะว่าไปนี่คือความภูมิใจของคนไทยที่เราพูดได้อย่างเต็มปาก มันคือซอฟท์พาวเวอร์ไทยแท้ที่สื่อสารผ่านช่องทางแปลกใหม่กว่าวัฒนธรรมใด ๆ นั่นคือผ่านทาง ‘รูจมูก’

แม้เราจะรู้กันว่าภาษาอังกฤษ ‘inhaler’ นั้นคือ ‘ยาดม’ แต่เอาเข้าจริงเจ้า inhaler ของฝรั่งนั้นคือคนละแบบของบ้านเรา เรียกว่าเป็นของคนละประเภทเลยก็ว่าได้ เพราะ inhaler ของเขาคือที่พ่นจมูกพลาสติก (ที่ตัวเอกในหนังฮอลลีวูดมักพ่นใช้บรรเทาอาการหอบหืด) แต่ของไทยนั้นเป็นแท่งกระบอกจิ๋วเหมาะมือ ด้านในมีไส้สำลีชุบน้ำยาหอมเย็นชื่นใจบรรจุอยู่

ถึงจะเรียกชื่อขึ้นต้นว่ายา แต่ก็หาใช่ว่าจะมุ่งใช้กันในทางการแพทย์เป็นหลัก เพราะสรรพคุณอันเอกอุนั้นค่อนไปทางใช้สูดดมเพื่อการผ่อนคลายอารมณ์มากกว่ารักษา ในเมื่อเป็นของคนละแบบ ผู้เขียนคิดว่าการที่เราจะบัญญัติศัพท์ภาษาอังกฤษของ ‘ยาดม’ ก็น่าจะใช้คำว่า ‘Yadom’ไปเลยเหมือน ‘MuayThai’ หรือ ‘Tom Yum Kung’ ‘Padthai’ ไปโน่นเลยท่าจะดี

ที่บอกว่าผู้ใช้ยาดมใช้มันเพื่อผ่อนคลายนั้นจริงแท้ เพราะหากต้องการรักษาอาการเป็นลมหมดสติแล้ว ยาดมนั้นน่าจะไม่ช่วยนัก คงต้องใช้แอมโมเนียที่มีกลิ่นฉุนร้ายกาจจึงจะเห็นผล ในขณะเดียวกันหากไส้ในยาดมเป็นกลิ่นเยี่ยวอูฐ เห็นทีจะถูกเก็บนิ่งในตู้ยาสามัญเงียบ ๆ ไม่ออกมานิยมได้อย่างปัจจุบันแน่

ยาดมไทยที่ดังไกลไปทั่วโลกและเป็นเจ้าตลาดในปัจจุบันคือ ‘โป๊ยเซียน’ ซึ่งได้บุกเบิกถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2479 จากเดิมทำธุรกิจเกี่ยวกับสมุนไพรย่านเยาวราช และผันมาทำธุรกิจยาดมอย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2532 ภายใต้ชื่อบริษัท โกลด์ มินท์ จำกัด สินค้ายาดมตัวแรก ๆ ของบริษัทคือ ‘พีเป๊กซ์’ มีลักษณะเป็นแท่งป้อม สีแดงเลือดหมู และหลังจากที่ปฏิวัติยกเครื่องเป็นแบบใช้ดมใช้ทาในหลอดเดียวกัน ด้วยดีไซน์หลอดทรงเพรียวยาว คาดด้วยสีสันหลากหลายตรงใจวัยรุ่น ก็ดังเปรี้ยงปร้างไม่หยุด ทำกำไรหลายร้อยล้านบาทต่อปี ครองอันดับหนึ่งในตลาดมูลค่าหลักพันล้านบาทมาต่อเนื่องจนปัจจุบัน

ข้อมูลที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ ยาดมโป๊ยเซียนไม่ใช่ผู้บุกเบิกเจ้าผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ เพราะยาดมในตลาดโลกนั้นทำมานานแล้วในชื่อ Vapo inhalers โดย Vicks เจ้าแห่งการดูแลทางเดินหายใจที่ก่อตั้งในปี 2437 ยาดมอันแรกถูกผลิตขึ้นในปี 2484 แต่ทว่าจากการที่ยาดมของ Vicks นั้นแทบไม่มีใครรู้จัก ฝรั่งเองยังแปลกใจกับยาดมไทยว่า ‘เอาอะไรไปเสียบจมูก?’ จึงทำให้ผู้คนเข้าใจว่าโป๊ยเซียนกลายเป็นผู้คิดค้นยาดมไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ยาดมได้รับความนิยมแบบพรวดพราด นอกจากการออกแบบที่เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว น่าจะมาจากพื้นฐานการผูกพันกับกลิ่นของมวลมนุษย์ที่ฝังอยู่ใน DNA เพราะตามประวัติศาสตร์แล้ว การบำบัดด้วยกลิ่นนั้นมีมานานกว่า 6,000 ปี ภายใต้ชื่อเรียกที่คุ้นหูว่า Aromatherapy ซึ่งจากการบันทึกที่พิสูจน์ได้พบว่าเริ่มมาจากชาวอียิปต์ที่เผาสิ่งต่าง ๆ ขับกลิ่นหอมเพื่อบูชาเทพเจ้า ส่วนการบำบัดรักษาจริงจังนั้นมาจากชาวกรีกและโรมัน

ความรู้เกี่ยวกับการใช้กลิ่นหอมจากน้ำมันแพร่กระจายเป็นวงกว้างในช่วงสงครามครูเสด (ค.ศ. 980-1037) แต่ถ้านับประวัติการใช้พืชสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมในทวีปเอเชีย ก็น่าจะเป็นช่วงราว 2,700 ปีก่อนคริสตกาล โดยประเทศจีนสามารถแยกสารหอมจากพืชธรรมชาติได้ถึง 300 ชนิด (ทั้งที่ไม่มีห้องแล็บฯ)

ส่วนในประเทศสยามนั้น ตามบันทึกที่ตรวจสอบได้คือความตอนหนึ่งใน ‘นิราศภูเขาทอง’ ของสุนทรภู่ ซึ่งกล่าวถึงเมื่อครั้งสิ้นแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยอย่างแสนอาวรณ์ไว้ว่า

“เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตลบ
ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธรา
วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์”

นั่นหมายความว่าการใช้เครื่องหอมนั้นมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 แล้ว โดยแทรกอยู่ในประเพณีต่าง ๆ อาทิ สรงน้ำพระ ปลงผมนาค บางข้อมูลสันนิษฐานว่าเราใช้กันมาตั้งแต่สุโขทัยโน่นแล

แต่รู้หรือไม่ว่า? ยาดมไทยยี่ห้อแรกไม่ใช่โป๊ยเซียน แต่เป็นยาดมสุดคลาสสิคภายใต้ยี่ห้อที่ยืนหยัดยาวนานจนถึงปัจจุบันและทุกคนรู้จักกันดีอย่าง ‘ส้มโอมือ’ โดยผู้คิดค้นประดิษฐ์มีชื่อว่า เจ้าจอมสดับ ลดาวัลย์ เจ้าจอมในรัชกาลที่ 5 ผู้เป็นกุลสตรีหัวสมัยใหม่ ที่มีความคิดอ่านและกล้าแสดงออกมากกว่าหญิงไทยสมัยก่อนเป็นอันมาก

เจ้าจอมสดับนั้นถือเป็นมืออันดับต้น ๆ ในเรื่องงานฝีมือ, การร้องเพลง และการทำอาหาร บางแหล่งใช้คำว่า ‘หามีผู้ใดเทียมได้’ โดยในภูมิปัญญาอันน่าตื่นตะลึงทั้งหลายนั้น เจ้าจอมสดับก็มิได้หวงแหน ท่านได้ทำการถ่ายทอดให้กับลูกหลานด้วยเจตนาที่ต้องการให้คงอยู่สืบไป และหนึ่งในนั้นก็คือยาดมส้มโอมือนั่นเอง

โปรดักท์ของเจ้าจอมสดับนอกจากยาดมก็มีน้ำปรุง หากเป็นตำรับแท้นั้นจะต้องมีตราสัญลักษณ์รูปตัว S อันเป็นสำคัญ ซึ่งย่อมาจาก S.B.C ซึ่งเป็นอักษรย่อที่ได้รับพระราชทานจากล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 โดยมีความหมายดังนี้

S คือ สดับ, B คือ ภูมินทรภัคดี, C คือจุฬาลงกรณ์, ตราสัญลักษณ์พิณภายใต้พระจุลมงกุฎกำกับ

ส่วนประกอบหลักยาดมส้มโอมือในสูตรคือ เปลือกส้มโอมือหรือเปลือกส้มโอ ถ้าไม่มีเปลือกส้มโอมือก็ใช้เปลือกส้มโอแทน แต่ต้องเอามานึ่งดองมะนาวมะกรูด จากนั้นผสมพิมเสนก่อนบรรจุลงในถ้ำยาดม(น่าจะบรรจุภัณฑ์ที่เป็นโลหะอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน) หากเป็นสูตรเจ้าจอมสดับนั้น ถ้ำยาดมจะต้องมีสัญลักษณ์รูปซอสามสายและชฎาอยู่คู่กันเป็นเครื่องหมายการค้ำ

วิวัฒนาการยาดมไทยจะก้าวหน้าไปถึงไหน อันนี้ผู้เขียนไม่ทราบได้ แต่ปัจจุบันก็มียี่ห้อหลากหลาย แถมมีเส้นทางการต่อยอดวัฒนธรรมและธุรกิจที่ยาวไกลและสวยงาม ในช่วงที่ซอฟท์พาวเวอร์ไทยกำลังบูมผลิดอกออกผลไปตามช่องทางต่าง ๆ ที่มากหลาย และประเทศไทยกำลังเนื้อหอมเรื่องการท่องเที่ยวที่ติดอันดับแทบทุกสถาบัน

เห็นสิ่งเหล่านี้แล้วก็ชื่นใจไม่น้อย พวกเรามาภูมิใจในความเป็นไทยไปด้วยกันครับ

TOP
y

Emet nisl suscipit adipiscing bibendum. Amet cursus sit amet dictum. Vel risus commodo viverra maecenas.

r

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า