‘พระปฐมบรมราชโองการ’ พระราชปณิธานอันแน่วแน่ของพระเจ้าแผ่นดิน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน

พระปฐมบรมราชโองการ คือพระบรมราชโองการครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ที่ทรงรับบรมราชาภิเษกแล้ว เมื่อทรงรับพระสุพรรณบัฏจารึกพระปรมาภิไธย เครื่องขัตติยราชวราภรณ์ เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ และเครื่องราชูปโภคแล้ว หัวหน้าพราหมณ์กราบบังคับทูลถวายพระพรชัยมงคล ด้วยภาษามคธและภาษาไทย พระมหากษัตริย์จะมีพระราชดำรัสตอบเรียกว่า “พระปฐมบรมราชโองการ” ซึ่งเนื้อความเป็นการพระราชทานอารักขาแก่ประชาชนชาวไทย

ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการเพิ่ม “ภาษามคธ” อีกภาษา ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่สอง พ.ศ. 2416 เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

หลังมี “พระปฐมบรมราชโองการ” พระมหากษัตริย์จะทรงหลั่งทักษิโณทกตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจโดยทศพิธราชธรรมจริยา

พระปฐมบรมราชโองการทั้ง 10 รัชกาล นับตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ในปี พ.ศ. 2328 จนถึงรัชกาลที่ 10 ในปี พ.ศ. 2562 มีเนื้อความแสดงถึงพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในฐานะทรงเป็น “พระมหากษัตริย์” ผู้รับพระราชภาระแห่งบ้านเมือง ดังนี้

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พุทธศักราช ๒๓๒๘

“… พรรณพฤกษ ชลธี แลสิ่งของในแผ่นดิน ทั่วเขตพระนคร ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรปรารถนาเถิด …”

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
วันที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๓๕๒

“แต่บรรดาพฤกษาและแม่น้ำใหญ่ น้อย และสิ่งของทั้งปวง ซึ่งมีในแผ่นดิน ทั่วขอบเขตแดนพระนคร ซึ่งหาเจ้าของหวงแหนมิได้ ให้พระราชทานแก่ สมณะ พราหมณ อณาประชาราษฎร์ทั้งปวง ตามแต่ปรารถนาเถิด”

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
วันที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๓๖๗

“เจ้าพระยา และพระยา ของซึ่งถวายทั้งนี้ จงจัดแจงบำรุงไว้ให้ดี จะได้รักษาแผ่นดิน”

ในการพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่พบหลักฐานพระปฐมบรมราชโองการหลังจากพิธีถวายสิริราชสมบัติและเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ที่พระที่นั่งภัทรบิฐ พบแต่ “พระราชโองการปฏิสันถาร” ในการเสด็จมหาสมาคม ซึ่งโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนเข้าเฝ้าเพื่อรับการถวายราชสมบัติ จากนั้นจึงมีพระราชโองการตรัสปฏิสันถารกับเจ้าพระยา และพระยาทั้งปวง ซึ่งมีข้อความเดียวกันทุกรัชกาล

ต่อมาภายหลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ยกเลิกพิธีส่วนนี้ มีแต่เพียงการถวายพระพรชัยมงคลจากขุนนางฝ่ายหน้าและข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในเท่านั้น

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๓๙๔

“พรรณพฤกษ ชลธี แลสิ่งของในแผ่นดิน ทั่วเขตพระนคร ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรจะปรารถนาเถิด”

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปฐมบรมราชโองการ ครั้งแรก
วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๑๑

“แต่บรรดาที่ไม่มีเจ้าของผลไม้ทั้งน้ำในห้วยละหารตรท่าก็ดี ตามแต่สมณพราหมณาจารยอาณาประชาราษฎรจะมาแต่จตุระทิศต่างๆ ตามแต่จะปรารถนา”

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปฐมบรมราชโองการ ครั้งหลัง
วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๑๖

คำภาษามคธ “อิทานหํ สพฺเพสํ อนุมติยา ราชา มุทฺธาวสิตฺโต สฺยาเมสุ อิสฺสราธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรมิธ ธฺมมิกราชปเวณิยา อนุชานามิ ยนฺติ สฺยามวิชิเต อปรปริคฺคหิตํ ติณกฏฺโจทกํ สมณพฺราหฺมณาทโย สพฺเพสฺยามรฏฺฐิกา ยถาสุขํ ปริภุญฺชนุตุฯ”

คำแปล “ครั้งนี้ท่านทั้งปวงพร้อมใจกัน ยอมให้เราเปนเจ้าครองราชสมบัติได้รับมุรธาภิเษกเปนใหญ่ในสยามราษฎร์วราณาจักรนี้แล้ว เราขออนุญาตยอมให้ โดยธรรมิกราชประเพณี พรรณพฤกษชลธีในสยามราษฎร์วราณาจักรนี้ ซึ่งไม่มีเจ้าของหวงแหนนั้น ตามแต่สมณพราหมณาจารย์ ประชาราษฎรทั้งปวงจะปรารถนาใช้สอยเทอญฯ”

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๕๓

คำภาษามคธ “อิทานาหํ พฺราหฺมณา ราชภารํ วหนฺโต พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรมิ ตุมฺหากํ สปริคฺคหิตานํ อุปริ ราชกํ อาณํ ปสาเรตฺวา นาโถ หุตฺวา ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตี สํวิทหามิ วิสฺสฏฺฐา หุตฺวา ยถาสุขํ วิหรถฯ”

คำแปล “ดูกรพราหมณ์ บัดนี้เราทรงราชภาระครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน เราแผ่ราชอาณาเหนือท่านทั้งหลายกับโภคสมบัติ เปนที่พึ่ง จัดการปกครองรักษาป้องกัน อันเปนธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบาย เทอญฯ”

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๖๘

คำภาษามคธ “อิทานาหํ พฺราหฺมณา ราชภารํ วหนฺโต พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรมิ ตุมฺหากํ สปริคฺคหิตานํ อุปริ ราชกํ อาณํ ปสาเรตฺวา นาโถ หุตฺวา ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตี สํวิทหามิ วิสฺสฏฺฐา หุตฺวา ยถาสุขํ วิหรถฯ”

คำแปล “ดูกรพราหมณ์ บัดนี้เราทรงราชภาระครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน เราแผ่ราชอาณาเหนือท่านทั้งหลายกับโภคสมบัติ เปนที่พึ่ง จัดการปกครองรักษาป้องกัน อันเปนธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบาย เทอญฯ”

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
เสด็จสวรรคตก่อนทรงรับพระราชพิธีบรมราชภิเษก

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓

“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
วันที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

หากย้อนดูพระปฐมบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ทั้ง 10 รัชกาลแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จะเห็นว่าพระปฐมบรมราชโองการตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 7 นั้น มีความคล้ายคลึงกัน นั่นคือ “พรรณพฤกษ ชลธี แลสิ่งของในแผ่นดิน ทั่วเขตพระนคร ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรปรารถนาเถิด” (จากพระปฐมบรมราชโองการของรัชกาลที่ 1) สืบเนื่องมาจาก ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยอยุธยา ดินแดนแว่นแคว้นทั่วนครศรีอยุธยานั้นเป็นของพระเจ้าแผ่นดิน จะพระราชทานให้ผู้อื่นมิได้ หากแต่พระองค์ก็มิได้ทรงใช้สิทธิ์นั้นในฐานะเจ้าของแผ่นดิน แต่ทรงใช้แผ่นดินนั้นเพื่อประชาชน

ซึ่งพระปฐมบรมราชโองการของพระเจ้าแผ่นดิน ถือเป็นสัญญาประชาคมในการให้เสรีภาพในทรัพย์สินว่า “หากไม่มีใครหวงแหน ประชาชนก็สามาถใช้ประโยชน์ได้” นี่คือพระราชกรณียกิจของพระองค์ในการอุปถัมภ์ประชาชน

ดังนั้น พระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยอยุธยา จนถึงสมัยรัชกาลที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475) จึงทรงมีพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่คล้ายคลึงกัน กระทั่งมาถึงในสมัยรัชกาลที่ 9 ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยไปแล้ว ไม่ได้ทรงเป็นเจ้าของพรรณพฤกษ ชลธี และสิ่งของในแผ่นดินดังเช่นอดีต พระปฐมบรมราชโองการของพระองค์จึงเปลี่ยนเป็น “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

และในสมัยของรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นรัชกาลปัจจุบัน จึงทรงมุ่งมั่นที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด จากสิ่งที่ในหลวงรัชกาลก่อนได้ทรงสร้างไว้ ดังพระปฐมบรมราชโองการ ที่ว่า …

“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”