ผู้ประพฤติลักเพศ และเผยแพร่ลักเพศในชาติใด ผู้นั้นก็ทำลายชาติพันธุ์แห่งชาติของตนเอง อันเป็น ‘อาชญากรรม’ อย่างมหันต์!

“ผู้ประพฤติลักเพศ และเผยแพร่ลักเพศในชาติใด ผู้นั้นก็ทำลายชาติพันธุ์แห่งชาติของตนเอง อันเป็น ‘อาชญากรรม’ อย่างมหันต์!”

ปรีดี พนมยงค์ หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร ได้กล่าวไว้ในหนังสือชื่อ “ประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญเบื้องต้นกับการร่างรัฐธรรมนูญ” เมื่อปี พ.ศ. 2517 ที่ไม่เพียงอธิบายถึงแนวคิดประชาธิปไตย หากแต่ให้นิยามเกี่ยวกับวิถีรักเพศเดียวกันเอาไว้ด้วยว่า ..

ลัทธิลักเพศนิยม (Homosexuality) คือ การเสพย์เมถุนระหว่างชายกับชาย และหญิงกับหญิง ซึ่งเป็นเพศเดียวกัน ลัทธิเสพย์เมถุนระหว่างหญิงกับหญิงนั้นยังมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า “เลสเบียนิสม์” (Lesbianism) “ลักเพศนิยม” ถือว่าเสรีภาพของบุคคลที่จะกระทําการใดตามความพอใจในการเสพย์สุขนั้นมีค่าสูงสุด บุคคลจึงต้องหาความสุขสําราญให้เต็มที่ โดยไม่ต้องคํานึงศีลธรรมอันดีของปวงชน เพราะการเสพย์เมถุนระหว่างคนต่างเพศยังไม่เป็นการเพียงพอที่ให้ความสุขสําราญได้ จึงต้องเสพย์เมถุนระหว่างคนเพศเดียวกัน ลัทธินี้ถือเอาความเสพย์สุขทางเมถุนเป็นสําคัญยิ่งกว่าชาติพันธุ์ของมนุษยชาติ โดยไม่คํานึงถึงว่า มนุษยชาติมีเพศชายและเพศหญิงซึ่งได้แพร่พันธุ์สืบต่อๆ มา ตั้งแต่ดึกดําบรรพ์ มิฉะนั้นมนุษยชาติก็สูญสิ้นชาติพันธุ์ไปพ้นจากโลกนี้ช้านานมาแล้ว ผู้ประพฤติลักเพศและเผยแพร่ลักเพศในชาติใดผู้นั้นก็ทําลายชาติพันธุ์แห่งชาติของตนเอง อันเป็นอาชญากรรมอย่างมหันต์

เห็นได้ว่า แนวคิดของนายปรีดี พนมยงค์ มุ่งเน้นให้คุณค่าที่การดำรงหรือรักษาเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติ ซึ่งจะต้องอยู่บนเงื่อนไขเพศสภาพที่ถูกต้องตามธรรมชาติ อันถือเป็นหลักหรือจริยธรรมสำคัญ ที่จะทำให้สังคมหรือชาติดำรงอยู่ได้ และมองรักร่วมเพศว่าเป็นสิ่งที่ขัดกับทัศนะประชาธิปไตยและประโยชน์ของส่วนรวม

แน่นอนว่าการเปิดกว้างทางเสรีภาพในปัจจุบันคงไม่เหลือพื้นที่ให้กับแนวคิดนี้ และเป็นที่ชัดเจนว่า ประชาธิปไตยในแบบของนายปรีดีฯ กับแนวคิดปัจเจกนิยม (Individualism) ซึ่งรวมไปถึงเสรีภาพทางเพศที่นายปรีดีฯ ต่อต้านนั้น สิ่งใดที่ยังคงดำรงอยู่

อย่างไรก็ตาม การให้นิยามเรื่องรักร่วมเพศโดยนายปรีดีฯ เป็นเพียงสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงทัศนะและแนวคิดตามบริบทแห่งยุคสมัยเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่สามารถใช้เป็นแกนความคิดหรือนำมาตัดสินใดๆ ได้ด้วยมุมมองของปัจจุบัน