‘ป้าติ๋ม’ นางฟ้าของสัตว์จร ผู้ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือ เพื่อดูแลสัตว์เลี้ยงที่ถูกทอดทิ้ง

เป็นข่าวดังที่น่าประทับใจไปทั่วโลกเมื่อแบรนด์ช็อกโกแลตชื่อดังอย่าง Hershey’s ผุดแคมเปญเก๋ เพื่อสนับสนุนพลังของสตรี ด้วยการนำภาพสตรีที่ช่วยเหลือสังคมและสร้างความแตกต่างให้กับโลกใบนี้ขึ้นบนซองช็อกโกแลต Hershey’s โดยแคมเปญการตลาดนี้เน้นการยกย่องคุณค่าของสตรีผ่านการแสดงเรื่องราวอันทรงพลังของผู้หญิงจากทั่วโลกผ่านฉลากผลิตภัณฑ์

ข่าวดังกล่าวได้ถูกพูดถึงมากขึ้นไปอีก เมื่อ Hershey’s ตัดสินใจเลือก “ป้าติ๋ม” กวิพร วินิจเถาปฐม อายุ 73 ปี ให้เป็นหญิงไทยคนแรกที่มีภาพปรากฏขึ้นบนซองช็อกโกแลต จากการที่ป้าติ๋มได้อุทิศตนเองเพื่อให้ความช่วยเหลือสุนัขและแมวจรจัดกว่า 2,000 ชีวิต และเป็นผู้ก่อตั้ง “บ้านนางฟ้าของสัตว์จร” ที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อช่วยเหลือสัตว์จรจัดที่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งเรื่องราวของป้าติ๋มได้สร้างแรงบันดาลใจส่งต่อให้กับผู้คนอีกมากมาย

ป้าติ๋มได้ช่วยเหลือสุนัขและแมวจรจัดมาตั้งแต่ปี 2546 โดยใช้เงินที่ตนเองทำธุรกิจเกี่ยวกับการทำขนส่งและคอนกรีตผสมเสร็จ ป้าติ๋มดูแลสัตว์จรจัดเหล่านั้นทั้งการให้อาหาร พาไปฉีดวัคซีน และทำหมัน ซึ่งต่อมาจำนวนสุนัขและแมวที่ดูแลก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากที่ไม่มีเจ้าของหรือเจ้าของเดิมนำมาให้ โดยทุกวันนี้ป้าติ๋มต้องดูแลสุนัขจำนวนกว่า 1,300 ตัว และแมวอีก 600ตัว

ด้วยจำนวนสุนัขและแมวที่อยู่ในการรับเลี้ยงดูนั้นมีเยอะมาก ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเพิ่มสูงตามตัว เรียกได้ว่ามหาศาลเลยทีเดียว กระทั่งต่อมาป้าติ๋มได้ตัดสินใจขายบ้านและโรงโม่ปูน รวมถึงรถโม่ปูน 200 กว่าคัน เพื่อนำเงินมาเป็นค่าเลี้ยงดูสุนัขและแมวทั้งหมด แต่กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอ จากค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเดือนละเกือบล้านบาท และยังต้องจ้างแรงงานเข้ามาช่วยเนื่องจากป้าติ๋มไม่สามารถดูแลสัตว์ทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว

ที่สำคัญ ป้าติ๋มเลี้ยงดูสุนัขและแมวทั้งหมดด้วยความรักและใส่ใจ ด้วยความตั้งใจที่ว่า รับมาเลี้ยงแล้ว ทิ้งไม่ได้

และนับเป็นความโชคดีที่ป้าติ๋มได้รับพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระราชทานค่าอาหารสุนัขทุกเดือน เดือนละ 100,000 บาท เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูสุนัขทั้งหมด โดยได้รับพระราชทานมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 และยังมีผู้แทนพระองค์มาติดตามดู รวมถึงให้รถนำอาหารมาส่งให้ทุกเดือนอีกด้วย

ข้อเท็จจริงที่หลายคนอาจยังไม่ทราบคือ ไม่เพียงแต่เฉพาะป้าติ๋มที่ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือในการดูแลสุนัขและแมวจรจัด แต่ในหลวงและพระราชวงศ์ทุกพระองค์ได้พระราชทานความช่วยเหลือ รวมถึงจัดตั้งโครงการเพื่อให้เป็นสถานที่พักพิงแก่สัตว์เลี้ยงต่างๆ ทั่วประเทศมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว เพื่อดูแลบรรดาสัตว์เลี้ยงที่ถูกลืมเหล่านั้น

หลายคนคงรู้จัก “ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน” (Hua-Hin Dog Sheiter) ซึ่งเกิดขึ้นได้ด้วยน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตาของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงห่วงใยในสุนัขจรจัด สัตว์เลี้ยงที่ถูกทอดทิ้ง เมื่อครั้งเสด็จแปรพระราชฐานประทับ ณ วังไกลกังวล เมื่อปี พ.ศ. 2546 ทรงมีพระราชดำริให้ก่อตั้ง “ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน” ในบริเวณวัดเขาอิติสุขโต ถนนหัวหิน-หนองพลับ บนเนื้อที่ 22 ไร่เศษ เพื่อช่วยเหลือ ดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพสุนัขจรจัด และดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน

หรืออีกหลายโครงการสำคัญคือ “สถานพักพิงสุนัขจรจัดวัดเวฬุวนาราม” และ “สถานพักพิงสุนัขจรจัดบ้านป้าแอ๊ด” ต.แม่ทะ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ที่มีสุนัขรวมทั้งสิ้น 630 ตัว บนพื้นที่ 15 ไร่ โดยได้รับพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 10 ให้เป็นแหล่งพักพิงอันอบอุ่นของสุนัขจรจัดและสัตว์อื่นๆ

นอกจากนี้ในหลวงรัชกาลที่ 10 ยังได้พระราชทานความช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงต่างๆ ทั้งด้านค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู ค่าอาหาร ให้กับโครงการและบ้านสงเคราะห์สัตว์เลี้ยงทั่วประเทศมาอย่างสม่ำเสมอ อาทิเช่น ศูนย์พักพิงสุนัขจรจัด ค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี, บ้านพักพิงสุนัขจรจัด ภูเก็ต, ศูนย์ดูแลสุนัขจรจัดของกองทัพเรือ โดยกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี, สถานพักพิงสุนัขวัดหัวคู้ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ

และในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ในหลวงทรงอุปการะรับดูแลสุนัขพันธุ์เกรทเดนที่ถูกทอดทิ้งเพราะผู้ดูแลประสบปัญหาทางการเงินจากสถานการณ์โควิด โดยทรงรับดูแลสุนัขเกรทเดนทั้ง 13 ตัว ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

นอกจากนี้ในหลวงยังได้พระราชทานความช่วยเหลือสุนัขกว่า 546 ชีวิตจาก “มูลนิธิ ดิอาร์ค”โครงการสถานพักพิงสัตว์ จ.เชียงใหม่ หลังทรงทราบว่ามูลนิธิกำลังได้รับผลกระทบ โดยทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้เลี้ยงดู ทำให้โครงการนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการและสถานพักพิงสัตว์เลี้ยงซึ่งได้รับพระราชทานความช่วยเหลือ ทำให้สุนัขและแมวจรจัดทั่วประเทศได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม รวมถึงมีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อเป็นแบบอย่างในการดูแลบริหารจัดการ ให้สัตว์เลี้ยงเหล่านั้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ไม่สร้างปัญหาความเดือดร้อนให้แก่สังคมและคนทั่วไป

จากข่าวของแคมเปญช็อกโกแลต Hershey’s ทำให้เราได้รับรู้เรื่องราวที่น่าชื่นชมของ “ป้าติ๋ม” ที่ได้ให้ความช่วยเหลือสุนัขและแมวจรจัดด้วยความทุ่มเทมาโดยตลอด และยังได้ทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงทรงติดตามข่าวสารบ้านเมือง และพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ทำความดีให้กับสังคม โดยทรงทำสิ่งเหล่านี้อย่างเงียบๆ ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ให้สังคมทราบแต่อย่างใด ซึ่งเป็นแนวทางการทรงงานที่ในหลวงทรงปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอตลอดมาเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย