ดร.นิว educate ปิยบุตร จับโกหกเรื่องยกเลิกมาตรา 112

กับคำถามที่ว่าทำไมจ้องจะยกเลิก ม.112 กัน ทั้ง ๆ ที่ ม.112 ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครเลย พูดกันตรง ๆ พวกที่ออกมาเรียกร้องก็ไม่เห็นมีใครเดือดร้อนจริง ๆ กับกฎหมายมาตรานี้ คำตอบก็คือมันเป็นบันไดขั้นแรกของการล้มล้างสถาบันฯ เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไปจนถึงปลายทางอำนาจของคนบางกลุ่มเท่านั้น

เป็นเหตุผลว่าทำไมปิยบุตรถึงพยายามเหลือเกินที่จะยกเลิก ม.112 ให้ได้ และถ้าดูให้ดี วิธีการที่ปิยบุตรชอบใช้ก็เป็นเรื่องเดิม ๆ คือ หยิบแค่ความจริงบางส่วนมาขยายความ แล้วบิดเบือนว่า ม.112 เป็นยาแรงที่ทำให้คนไม่กล้าแสดงออก เป็นเครื่องมือของรัฐที่ทำให้คนกลัว โดยล่าสุดปิยบุตรใช้วิธีบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับ ม.112 เป็นข้อ ๆ เพื่อล้างสมองคนรุ่นใหม่ แล้วตบประเด็นดื้อ ๆ ว่าเป็นการหาทางออกร่วมกัน

จนสุดท้าย ดร.นิว (ดร. ศุภณัฐ อภิญญาณ) ก็ได้ออกมา educate ตบกลับปิยบุตรว่า ความอยากให้ยกเลิก ม.112 ของปิยบุตร ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับคนไทยเลย มีแต่จะสร้างความขัดแย้งแตกแยกโดยไม่จำเป็น และคนที่ได้ประโยชน์เห็นทีจะมีแต่ปิยบุตร ที่ต้องการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

ซึ่งข้อมูลบิดเบือนของปิยบุตรมีอะไรบ้าง และ ดร.นิว เคลียร์ไว้อย่างไร เรามาดูกันทีละข้อ

1. ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ที่ว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้”

กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นคนละส่วนกับกฎหมายอาญาก็จริง แต่กฎหมายอาญาก็มีเจตนาสอดคล้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญในการคุ้มครองประมุขแห่งรัฐ แล้วสถาบันพระมหากษัตริย์ก็เป็นกลางอยู่เคียงข้างกับประชาชนมาโดยตลอด ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาราษฎรทุกหมู่เหล่า เราจะเห็นว่าในช่วงวิกฤติ ในหลวงได้พระราชทานพระราชทรัพย์และสิ่งของจำเป็นมากมายแก่เจ้าหน้าที่และประชาชน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ต้องขังภายใต้โครงการราชทัณฑ์ปันสุข แต่ปิยบุตรก็ยังพยายามออกมาใส่ความหาเรื่องท่าน

2. ประเทศไหน ๆ เขาก็มีกัน

ทำไมปิยบุตรถึงพูดไม่หมด ไม่ยอมพูดถึงประเทศสเปนที่มีการจำคุกนักร้องเพลงแร็พชาวสเปน 3 ปี 6 เดือน เพราะแต่งเพลงวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ หลังจากที่เคยติดคุกมาแล้ว 2 ปี

เห็นได้ชัดว่า แต่ละประเทศมีกฎหมายที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายเหตุปัจจัย กฎหมายไทยขึ้นอยู่กับคนไทยไม่ใช่ต่างประเทศ แต่ไม่ว่าสังคมใดถ้ามีคนแย่ ๆ ละเมิดกฎหมาย กฎหมายก็มีความจำเป็นต้องมี และถูกบังคับใช้ต่อไปเรื่อย ๆ นอกเสียจากไม่มีคนทำผิดกฎหมายแล้วไม่มีการใช้ไปนาน ๆ การยกเลิกกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้คดีความและการบังคับใช้ ม.112 ก็ลดลงมาก แต่การที่รัฐนำ ม.112 กลับมาใช้ (และคงต้องใช้ไปอีกนาน) ก็ไม่ใช่เพราะมีคนอย่างปิยบุตรหรือ ที่ปลุกระดมให้คนทำผิด ม.112 มาตั้งแต่ต้น

3. คนธรรมดายังมีโทษหมิ่นประมาท กษัตริย์ซึ่งเป็นประมุขของรัฐยิ่งต้องมี

ข้อนี้ปิยบุตรพยายามชี้ว่า การคุ้มครองกษัตริย์ใช้กฎหมายหมิ่นประมาทเหมือนบุคคลธรรมดาก็ได้ เหมือนจะยกเรื่องความเท่าเทียมมาอ้าง แต่ปิยบุตรคงลืมไปว่า คนเท่ากันจริง แต่ความสำคัญของตำแหน่งนั้นไม่เท่ากัน

พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมืองและความขัดแย้ง จะใช้กฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาตามที่ปิยบุตรบอก แล้วให้ท่านลงมาฟ้องเองได้อย่างไร? จะยิ่งไม่ใช่การนำท่านลงมาสู่ความขัดแย้งหรอกหรือ? แล้วปิยบุตรนี่แหละที่นำท่านลงมาสู่ความขัดแย้งในตลอดระยะเวลาราว 10 ปีที่ผ่านมา แถมยังใช้สื่อที่มีจำนวนมากในมือ ล้างสมองสาวกด้วยข้อมูลบิดเบือนในรูปแบบต่างๆ เพื่อโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์

4. ขนาด ม.112 มีโทษแรงยังมีคนละเมิดกฎหมายขนาดนี้ ถ้าไม่มีจะขนาดไหน

ปิยบุตรอ้างว่า การจับคนที่ทำผิด ม.112 ไปดำเนินคดี จับไปเข้าคุก ก็ไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนความคิด และตบประเด็นว่าควรหาทางออกด้วยการพูดคุยถกเถียงกันด้วยเหตุผล อย่างเปิดเผยและปลอดภัย

ในข้อนี้ ถ้าดูที่การกระทำจริง ๆ ไม่ใช่ปิยบุตรหรอกหรือที่พยายามยุยงปลุกปั่นให้คนเกลียดสถาบันฯ และอยู่เบื้องหลังความแตกแยกมาโดยตลอด ซึ่งหลายคน (แม้แต่ ดร. นิว) พยายามเชิญชวนให้ออกมาดีเบตเพื่อหาข้อยุติทั้งหมด แต่ปิยบุตรยังไม่กล้าออกมาพูดคุยถกเถียงกันด้วยเหตุผลเลย

และปัจจุบันนี้ก็เห็นกันอยู่ว่า การไม่บังคับใช้ ม.112 ก่อนหน้านี้ สุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้เกิดการถกเถียงกันด้วยเหตุผล ทุกวันนี้มีแต่การด่าทอสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหยาบคาย เสีย ๆ หาย ๆ บิดเบือนใส่ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์แบบมั่วไปหมด จนไม่สามารถหาสาระทางวิชาการ หรือหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อพูดจากันดี ๆ แบบผู้ที่เจริญแล้วได้

5. ถ้าไม่ทำผิด ก็ไม่เห็นต้องกลัว

“ถ้าไม่ทำผิด ก็ไม่เห็นต้องกลัว” คำนี้ก็ชัดเจนในตัวของมันเองแล้ว ว่าถ้าเราไม่ละเมิดข้อกฎหมาย เราก็จะไม่ผิดกฎหมาย แต่ปิยบุตรกลับชี้นำเหมือนว่า “กระบวนการบังคับใช้กฎหมาย” มีปัญหาดังนั้นก็ควรยกเลิก “ตัวกฎหมาย” เสียเลย จริงอยู่ปัญหาทุกวันนี้อยู่ที่กระบวนการบังคับใช้กฎหมาย ก็ควรต้องไปแก้ให้ถูกจุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง องค์ประกอบการทำผิด, การดำเนินการฟ้องร้อง ฯลฯ ก็ควรแก้เป็นเรื่อง ๆ ไป ไม่ใช่เอามาปนกับตัวกฎหมายแล้วโจมตีให้ยกเลิกไปเลยอย่างที่ปิยบุตรพยายามทำ

6. บ้านเมืองกำลังลำบาก จะมายกเลิก ม.112 ทำไม ยกเลิกแล้วแก้ปัญหาปากท้องได้หรือ

ปิยบุตรอ้างว่า ไม่ได้เรียกร้องแค่ให้รัฐบาลยกเลิก ม.112 แต่ให้แก้ปัญหาพร้อมกันทั้งหมดเลย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ วิกฤติโควิด-19 ปากท้องประชาชน ปัญหาสิ่งแวดล้อม ฯลฯ

แต่ถ้ามองกันจริง ๆ แล้ว นโยบายพรรคและแนวคิดของปิยบุตร มุ่งแต่ประเด็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่ต้น สนใจแต่ความต้องการของตัวเอง นั่นคือเรื่องยกเลิก ม.112 และถ้าสิทธิมนุษยชนสำคัญจริง ๆ ปิยบุตรควรช่วยรณรงค์ ให้กฎหมายเอาผิดคนที่ยุยงปลุกปั่นให้คนอื่นทำผิดกฎหมายแทนตัวเอง และลงโทษคนที่หลอกใช้ผู้อื่นเป็นเครื่องมือ เพื่อสนองความต้องการของตัวเองในการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

7. การยกเลิก หรือแก้ ม.112 = ล้มเจ้า

เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถ้าบอกว่า ควรแก้ไขกฎหมายอย่างถูกต้อง ภายใต้หลักวิชาการและความเป็นจริง แต่การที่ออกมาบอกว่า “ม.112 ไม่ได้เท่ากับสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นยกเลิกไม่เท่ากับล้มสถาบันฯ” นั้น เป็นตรรกะที่บิดเบี้ยวที่สุด และไม่มีทางที่นักกฎหมายจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ และคำพูดนี้ยืนยันได้ชัดเจนถึงวิธีการของปิยบุตรว่า มักหยิบเอาข้อเท็จจริงเล็ก ๆ น้อย ๆ มาบิดเบือนสร้างความคลุมเครือ แล้วสรุปชี้นำให้คนเข้าใจผิด แถมยังย้อนแย้งกับคำพูดของตัวเองว่าต้องการให้แก้ไขกฎหมายอย่างถูกต้อง แต่สุดท้ายก็หมกมุ่นอยู่แต่การยกเลิก ม.112 โดยไม่สนใจว่าจะเกิดประโยชน์ใด ๆ แก่ประชาชนเลย