จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง…ถ้าวันนี้เรายังใช้นโยบายคณะราษฎร? – ภาคจบ

มาถึงตอนสุดท้าย กับการตั้งคำถามแบบ “What if…” ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?…ถ้าวันนี้เรายังใช้นโยบายคณะราษฎรในการบริหารประเทศ

นอกจากการปิดกั้นสื่ออย่างรุนแรง และความเหลื่อมล้ำในการบริหารประเทศ ที่มาพร้อมกับลัทธิคลั่งรัฐธรรมนูญแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือ นโยบายกลืนชาติชาวมลายูอาจจะกลับมา ตำแหน่งจุฬาราชมนตรีจะถูกยกเลิก คนที่เห็นต่างทางการเมืองจะถูกกวาดล้างและจับกุมอย่างไร้ความปราณี มีการถูกส่งตัวไปทัวร์คุกนรกตามที่ต่าง ๆ ตามแต่รัฐบาลจะจัดสรรหามาได้

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น…ถ้ารัฐบาลใช้นโยบายของคณะราษฎรในการบริหารประเทศ ในเงื่อนไขเดียวกัน ในบริบททางสังคมเหมือน ๆ กัน ซึ่งเราย้ำว่านี่คือ “What if…” หรือการสมมติขึ้นเพื่อขยายต่อยอดจินตนาการ และค้นหามุมมองที่หลากหลายในเรื่องต่าง ๆ เท่านั้น

มาร่วมสัมผัสมุมมองที่แตกต่างไปกับ ฤๅ และเปิดโลกไปกับนโยบายของคณะราษฎร ในตอนสุดท้ายกันครับ

8. นโยบายกลืนชาติชาวมลายูอาจจะกลับมา

รัฐบาลคณะราษฎรเน้นความเป็นชาตินิยมมาก และมากขึ้นจนถึงจุดสุดยอดในยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม (ยุคเชื่อผู้นำชาติพ้นภัย) อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงปรากฏว่านโยบายกลืนชาตินั้น เริ่มขึ้นโดยรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา ในปี พ.ศ. 2477 ที่ได้มีการเสนอแนวคิดที่จะอพยพคนไทยพุทธจากส่วนอื่น ๆ ของประเทศ ไปยังพื้นที่ที่มีชาวไทยมลายูนับถือศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยรัฐบาลจะแจกเงินทุน เงินเดือน ค่ายานพาหนะ ควาย อุปกรณ์เกษตรกรรม และที่ดินทำกินให้ เพื่อให้คนไทยพุทธเหล่านั้น ไปแต่งงานกับชาวบ้านชาวมลายู และให้ลูกหลานพวกเขากลายเป็น “ไทย” ให้หมด

9. ตำแหน่งจุฬาราชมนตรีอันเป็นผู้นำสูงสุดของชาวไทยมุสลิมในไทยจะถูกยกเลิกอีกครั้ง

ตำแหน่งจุฬาราชมนตรีจะถูกยกเลิก เช่นเดียวกับที่เคยถูกยุบไปครั้งหนึ่งแล้วหลังการปฏิวัติ พ.ศ. 2475 โดยดำริของคณะราษฎร ต่อมาตำแหน่งนี้ได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากว่างเว้นไปกว่า 13 ปี ในปี พ.ศ. 2488 แต่ปรากฏว่า นายแช่ม พรหมยงค์ จุฬาราชมนตรีคนใหม่ ก็กลับกลายเป็น “คนในของคณะราษฎร” เสียเอง

10. ผู้ที่คิดต่างทางการเมือง จะถูกรัฐบาลเล่นงานอย่างรุนแรง

จะไม่มีการใช้กระบวนการทางกฎหมายแบบปกติในการปกครอง บ้านเมืองจะตกอยู่ในยุคแห่งการกดขี่ มีการปราบปรามศัตรูทางการเมืองอย่างไร้ความเป็นธรรมที่สุด จะมีการตั้งศาลพิเศษ มีการสร้างพยานเท็จขึ้นมาปรักปรำ และไม่อนุญาตให้มีทนายฝ่ายจำเลย ใครที่เห็นต่าง ใครที่ออกมาโจมตีรัฐบาล จะลงเอยด้วยการถูกจับ ถูกคุมขัง ปล่อยเกาะ และถูกกระทำทารุณอย่างโหดร้ายที่สุด เหมือนนักโทษการเมืองที่ถูกคณะราษฎรเนรเทศไปยังคุกนรกบนเกาะตะรุเตา เกาะเต่า เขตกักกันในจังหวัดแม่ฮ่องสอน (ไซบีเรียสยาม) ไปจนถึงสถานกักกันเขตป่าดิบชื้นมลายู ในทัณฑ์นิคมธารโต จังหวัดยะลา