ครูตื่นมาตีสี่ มาฟังข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อที่จะมาเล่าให้นักเรียนฟัง…

“ครูตื่นมาตีสี่ มาฟังข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อที่จะมาเล่าให้นักเรียนฟัง … คนเป็นครู เราไม่มีอะไรจะให้นักเรียน อาจมีของแถมเป็นขนมบ้าง แต่สิ่งที่ครูมีให้นักเรียน ก็มีแต่ความรู้ และเทคนิคการดำเนินชีวิต … ครูแก่แล้ว ให้ครูใหม่ๆ มาสอนบ้าง ครูจะคอยเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง”

พระราชดำรัสของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
คาบเรียนสุดท้ายวิชาอาเซียนศึกษา เมื่อครั้งยังทรงเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชน และส่งเสริมการทำงานของภาครัฐมาโดยตลอด โดยเฉพาะในด้านการศึกษา ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือวิชาการมากมายให้กับกระทรวงศึกษาธิการ อีกทั้งยังทรงเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยเริ่มสอนเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทย และสังคมวิทยา นอกจากนี้ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในงานบริหาร งานการสอน และงานวิชาการอื่นๆ อีกด้วย

การทรงบรรยายในแต่ละครั้ง จะทรงเตรียมการสอนและจัดทำเอกสารประกอบคำบรรยายด้วยพระองค์เอง โดยทรงค้นคว้าจากหนังสือภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ และทรงจัดหาสื่อการสอนต่างๆ มาประกอบการสอนอยู่เสมอ

พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะ “ทูลกระหม่อมอาจารย์” ของนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า มาอย่างต่อเนื่อง โดยทรงทุ่มเทเวลาให้กับการทรงงานอย่างจริงจัง ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะฝึกให้นักเรียนนายร้อยรู้จักคิด รู้จักตัวเอง คือให้รู้ว่าเราเป็นใคร มาจากที่ใด และกำลังจะไปทางไหน ดังพระราชดำรัสที่ว่า …

“… การเรียนประวัติศาสตร์ในโรงเรียนนายร้อยมีจุดประสงค์หลักในการให้นักเรียนฝึกหัดวิธีการทรงประวัติศาสตร์ในการคิดหาเหตุผล มีสำนึกทางประวัติศาสตร์ ให้มีความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของบ้านเมือง ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย ควรรู้รากเหง้าเรื่องราวของตนเอง ความรู้นี้จะเป็นพื้นฐานช่วยเชื่อมโยงให้เข้าใจสังคมไทยปัจจุบันดีขึ้น ให้รู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมโลกในฐานะที่ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ทั้งหมดนี้มีส่วนเอื้อให้การทำงานดีขึ้น …”