‘กำเนิดตู้ดูดเงินล้านล้านเยน’ 135 ปีตู้หยอดเหรียญญี่ปุ่น ที่ยังคงเดินหน้าละลายเงินผู้คนอย่างไม่เกรงใจใคร

ถ้าคุณเคยไปประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะไปชื่นชมศิลปะวัฒนธรรมที่สวยงามหรืออาหารที่แสนอร่อยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนน่าจะเคยได้ทำก็คือการหยอดตู้ซื้อสินค้าอัตโนมัติ (vending machine) สำหรับผมแล้วการซื้อเครื่องดื่มผ่านตู้หยอดเหรียญถือว่าเป็นเป้าหมายอย่างหนึ่ง ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่แก้กระหาย แต่เป็นความสุขจากการได้ยินเสียงโครมเบา ๆ เวลาสินค้าตกกระทบพื้นช่องจ่าย เพราะนั่นเป็นการตอกย้ำว่าผมได้อยู่ญี่ปุ่นจริง ๆ

ที่ญี่ปุ่น ตู้สินค้าหยอดเหรียญเป็นสิ่งสุดแสนจะธรรมดา คุณสามารถพบเห็นพวกมันได้ทั่วไปแทบจะทุกมุมถนน แต่เมื่อวันที่คุณไม่ได้อยู่ที่นั่น แล้วบังเอิญเกิดได้เห็นภาพตู้หยอดเหรียญไม่ว่าจะจากภาพถ่ายหรือจากหนังสือสักเล่ม สมองคุณคุณจะผุดภาพญี่ปุ่นขึ้นมาทันทีแบบอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นถ้าจะบอกว่าตู้พวกนี้คือสัญลักษณ์ หรือพูดให้เข้ายุคเข้าสมัยว่าเป็นซอฟท์พาวเวอร์ ก็ไม่น่าจะเกินไป

แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องที่ธรรมดา ๆ สักหน่อย แต่ถ้ามองลึกลงไปกว่านั้นก็มีอะไรที่น่าทึ่งอยู่หลายอย่างครับ อย่างแรกเลยก็คือ เมื่อนับถึงวันนี้เจ้าตู้ขายสินค้าอัตโนมัติในประเทศญี่ปุ่นนั้นก็มีอายุอานามกว่า 135 ปีเข้าไปแล้ว! เพราะตู้แรกในญี่ปุ่นเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1888 ที่จังหวัดโอซะกะ โดยนักธุรกิจหนุ่มนามว่า ซังกิจิ โยโกยามะ ซึ่งซังกิจิซังได้รับแรงบันดาลใจจากตู้อัตโนมัติที่เขาเห็นที่ประเทศอังกฤษ ถ้าพูดว่า 135 ปีก่อนคุณอาจจะนึกไม่ออก งั้นผมขออนุญาตยกตัวอย่างเทียบให้เห็นภาพสักหน่อยคือ เจ้าตู้นี่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โน่น (ซึ่งในปีเดียวกันนั้นโรงพยาบาลศิริราชได้เปิดให้บริการเป็นครั้งแรก รวมถึงการเสียเมืองสิบสองจุไทไปให้กับฝรั่งเศส) รูปแบบของมันไม่ได้ฉูดฉาดเหมือนทุกวันนี้ มันถูกประดิษฐ์ขึ้นด้วยวัสดุสุดคลาสสิคคือเป็นไม้และแผ่นทองเหลือง ขั้นตอนการทำงานไม่ซับซ้อน นั่นคือหยอดเหรียญเข้าไปแล้วบิดเพื่อรับสินค้าที่เป็นบุหรี่

ในตอนนั้นผู้คนฮือฮาเหลือหลาย ทุกคนล้วนอยากซื้อบุหรี่จากตู้อัตโนมัตินี้ ซังกิจิซังจึงขยี้ความสำเร็จด้วยความสนุกไปอีกขั้น ด้วยการเพิ่มกระดิ่งเข้าที่สั่นทุกครั้งเมื่อมีการซื้อขาย ผลที่เกิดขึ้นก็คือยอดขายเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะเรียกความสนใจแก่ผู้เดินผ่านได้อีกหลายเท่าได้อย่างชาญฉลาด

แต่การพัฒนาของเจ้าตู้นี้ก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ อาจจะเพราะพื้นฐานคนญี่ปุ่นเป็นประเภทที่หากสิ่งไหนนิยมแล้วก็จะคงอยู่ไปอย่างนั้น (ดูได้จากร้านซึทาญาและการใช้บริการ Yahoo อยู่จนถึงทุกวันนี้) เพราะฉะนั้นในปี ค.ศ. 1905 ก็เริ่มมีการขยายให้ขายสินค้าได้มากขึ้น โดยสินค้าประเภทดังกล่าวก็คือสแตมป์นั่นเอง

การมีอยู่ของตู้ขายของอัตโนมัติในช่วงแรก ๆ ก็คือมีไว้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสินค้าเท่านั้น แต่เมื่อถึงช่วงปี ค.ศ. 1920-1930 ตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติถูกพัฒนาให้ขายของที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่กว้างมากขึ้นนั่นคือลูกอมและหมากฝรั่ง ตั้งแต่นั้นมามันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคนญี่ปุ่น ในฐานะของไอเทมที่ ‘ต้องมี’ ในทุกสถานีรถไฟ และพื้นที่สาธารณะที่ผู้คนพลุกพล่าน

แต่ตู้ที่คุ้นเคยที่สุดคือตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติมาถือกำเนิดเอาช่วงหลัง นั่นคือช่วงปี ค.ศ. 1960 ซึ่งมันน่าจะมาจากในยุคนั้นมีการผลิตเครื่องดื่มที่เป็นกระป๋องพอดี เครื่องดื่มกระป๋องถูกผลิตขึ้นครั้งแรกโดยบริษัท อเมริกัน แคน คอมปานี ในปี ค.ศ. 1933 แต่ออกจำหน่ายในเชิงพาณิชย์จริง ๆ ก็ปี ค.ศ. 1935 ซึ่งมีนายก็อดฟรีด ครูเกอร์ เป็นหัวหอก และเริ่มแพร่หลายโดยโคคา-โคลาในปี ค.ศ. 1966

พอทุกอย่างประจวบเหมาะทั้งการขนส่งและระบบของตู้ก็อำนวย นับจากนั้นพวกมันก็เป็น ‘ประวัติศาสตร์’

ในช่วงปี 1960 ตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติในตำนานอีกแบบก็ถือกำเนิดขึ้น โดยนาย ริวโซ ชิเงตะ เขานำของเล่นบรรจุลงในแคปซูลพลาสติกใส่ไปในเครื่องขายอัตโนมัติ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ภายใต้ชื่อสุดแสนจะน่ารักอย่าง กาชาปง (Gashapon) ซึ่ง ‘กาชา’ มาจากเสียงหมุนลูกบิด ส่วน ‘ปอง’ คือเสียงที่แคปซูลหล่นลงมาในช่องรับสินค้า ถัดจากนั้นมาบริษัทใหญ่อย่าง Bandai ก็กระโดดลงมาเล่นในตลาดนี้ในปี ค.ศ. 1977 และมันยังคงทำหน้าที่ดูดเงินนักท่องเที่ยวอย่างทรงประสิทธิภาพมาจนถึงปัจจุบัน

ในเมื่อได้รับความนิยมอย่างสูง ช่วงปี ค.ศ. 1970-1980 พวกมันถูกพัฒนาให้หลากหลาย ด้วยการขายได้ทั้งบุหรี่, เบียร์, หรือแม้กระทั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และนอกจากจะเป็นจุดจำหน่ายสินค้า เหล่าคนการตลาดของ บริษัท เป็บซี่โค และ โคคา-โคลา ก็คิดไปไกลกว่านั้น พวกเขาใช้เจ้าตู้นี่เป็นสื่อโฆษณาและแข่งกันขายเครื่องดื่มแบรนด์ตนในญี่ปุ่นกันอย่างดุเดือด

ปี ค.ศ. 1990-2000 มีการประยุกต์การควบคุมอุณหภูมิเข้าไปด้วย ทำให้ตู้ยุคใหม่ (ตอนนั้น) สามารถสร้างความฮือฮาด้วยการขายได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น ในสมัยที่ร้านสะดวกซื้อไม่ได้แพร่หลายมาก (7-11 สาขาแรกในญี่ปุ่นเปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1974) ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนมาก ๆ ตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติเย็นจัด ๆ ก็เทียบได้กับสวรรค์ดี ๆ นี่เอง และด้วยความเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยี บางตู้ถึงกับมีจอสัมผัสและอินเทอร์แอคทีฟอีกด้วย

ปัจจุบัน ตู้ขายของอัตโนมัติกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว ด้วยการติดตั้งที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาหลายสิบปี ทำให้จนถึงวันนี้ตู้ขายของอัตโนมัติในญี่ปุ่นมีมากถึง 5.5 ล้านตู้ทั่วประเทศ โดยตู้ที่มีก็สินค้าหลากหลายน่าทึ่งตั้งแต่ขายเครื่องดื่ม(ซึ่งมีอยู่เกินครึ่งของจำนวนตู้ทั้งหมด), ขนมจนถึงตั๋วรถไฟ, ร่ม แถมบางตู้ก็ชาร์จมือถือได้ด้วย และในรายงานจากปี ค.ศ. 2014 แค่ปีเดียวเจ้าตู้ทั้งหลายในญี่ปุ่นโกยเงินเฉลี่ยรวมกันได้ถึง 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 59,211 ล้านบาท! ซึ่งสูงสุดในรอบ 12 ปี ซึ่งเมื่อรวมยอดขายแค่ 12 ปีนี้ก็มากกว่า 2ล้านล้านเยนกันเลยทีเดียว!

สำหรับโลกใบนี้ บริษัทโซนี โคนามิ ฮอนด้าหรือโตโยต้าอาจทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้นำทางด้านเทคโนโลยี แต่เจ้าพวกตู้ขายของอัตโนมัตินี่แหละ ตอกย้ำว่าญี่ปุ่นคือประเทศแห่งนวัตกรรมอย่างแท้จริง เพราะมันรวมเอาชีวิตของคนเข้าไปด้วยแบบไม่ต้องใช้โฆษณาชวนเชื่อ เจ้าตู้อัตโนมัติกลายเป็นของสุดจำเป็นที่แยกออกจากชีวิตพวกเขาไม่ได้แล้ว และมันไม่ได้ครองใจแค่คนญี่ปุ่น แต่ผู้ไปเยือนทั้งหลายก็ล้วนแต่เคยล้มละลายให้กับตู้เล็ก ๆ เหล่านี้

ทั้งเครื่องดื่มและของเล่น ผมถือว่าเป็นการดูดเงินเยนให้อยู่ในประเทศได้ดีที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะถึงเวลากลับประเทศ คงไม่มีใครอยากแบกเหรียญหนัก ๆ ไปด้วย แลกคืนก็ไม่มีใครรับ วิธีที่ดีที่สุดก็คือหยอดตู้พวกนี้นี่แหละ

ฉลาดล้ำ!

เรื่องของตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติของญี่ปุ่น อาจจะฟังแล้วสนุกดี แต่คุณรู้ไหมว่า? นี่เป็นตัวอย่างของ ’ผู้ตาม’ ที่ก้าวขึ้นมาเป็น ‘ผู้นำ’ เพราะอย่างที่เรารู้ จริง ๆ แล้วผู้ประดิษฐ์ตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติขึ้นมาเป็นชาติแรกไม่ใช่ญี่ปุ่น แต่จากการที่นำมาพัฒนาต่อยอดอย่างจริงจัง จนทุกวันนี้เจ้าตู้เหล่านี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศและสร้างรายได้เข้าประเทศยิ่งกว่ามหาศาล บางครั้งการจะประสบผลสำเร็จได้ ก็อาจจะไม่ใช่นวัตกรรมของตนเองเสมอไป แค่เราตั้งใจและจริงใจกับมัน ไม่ว่าอะไรก็สำเร็จได้

TOP
y

Emet nisl suscipit adipiscing bibendum. Amet cursus sit amet dictum. Vel risus commodo viverra maecenas.

r

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า