06 ก.ย. 2021 ARTICLES ARTICLES เอกสารสหรัฐฯ ยันชัด รัชกาลที่ 9 ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 LINE iconLine มีผู้พยายามกล่าวหาในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นองเลือดในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 โดยอ้างคำบอกเล่าของนักการทูตชาวอังกฤษคนหนึ่ง ทำนองว่าหัวหน้าคณะรัฐประหารในขณะนั้น ได้เข้าเฝ้า และได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากในหลวงรัชกาลที่ 9ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย ของกลุ่มผู้ที่ต้องการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการโกหกปลุกปั่นเพื่อโจมตีในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยตรง คำโกหกเลื่อนลอย มีผู้พยายามอ้างเอกสารคือจดหมายของ D L Cole นักการทูตชาวอังกฤษ ที่ส่งถึงเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2519 โดยมีใจความบอกว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสนับสนุนและเลือกนาย ธานินทร์ กรัยวิเชียร ให้เป็นนายกรัฐมนตรี มาตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ในปี 2519 หลายเดือนและยังอ้างอีกว่าในหลวงทรงรับสั่งกับนาย ธานินทร์ กรัยวิเชียร โดยตรง ว่าจะทรงเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี หากมีเหตุจำเป็น หลักฐานข้อเท็จจริง เอกสารของ D L Cole นี้ เป็นเพียงบทสนทนาที่เล่าลือต่อ ๆ กันมา ซึ่งขัดแย้งกับหลักฐานที่อ้างอิงอยู่ในหนังสือ “บันทึกการปฏิวัติ 1-3 เมษายน 2524 กับข้าพเจ้า” ของศาสตราจารย์ บุญชนะ อัตถากร โดยได้บันทึกบทสนทนาระหว่างพลเรือเอก สงัด ชะลออยู่ กับ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ระบุไว้ว่านาย ธานินทร์ กรัยวิเชียร ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก่อนเลยและจากคำพูดของพลเรือเอก สงัด ชะลออยู่ ได้ความว่า ก่อนหน้าเหตุการณ์ 6 ตุลาคม มีทหารกลุ่มหนึ่งวางแผนที่จะทำการปฏิวัติ ดังนั้นพลเรือเอก สงัด จึงได้เข้าเฝ้าและกราบทูลในหลวงว่า จะทำการปฏิวัติเสียก่อน แต่ในหลวงทรงรับสั่งชัดเจนว่า “ไม่เห็นด้วย” กับการปฏิวัติใด ๆ มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519ซึ่งปรากฏว่า คำกล่าวของพลเรือเอก สงัด ชะลออยู่ ตรงกับรายงานของสถานทูตสหรัฐอเมริกา ที่ส่งไปยังกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ของสหรัฐอเมริกาต่อเหตุการณ์ในประเทศไทย โดยสหรัฐฯ ระบุว่า เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ไม่ควรจะเกิดขึ้น ด้วยเหตุผลดังนี้ผู้บัญชาการเหล่าทัพในขณะนั้น ต่างทราบข่าวมานานแล้วว่า จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นโดยทหารอีกกลุ่มหนึ่ง จึงได้เตรียมพร้อมรับมือตลอดเวลาในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงแสดงพระประสงค์อย่างชัดเจน มาตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2519 ว่า พระองค์ไม่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติ ไม่ว่าจากฝ่ายใดก็แล้วแต่ผู้นำทางทหารทุกฝ่ายต่างมีความเห็นตรงกันว่า ในช่วงนั้นถือเป็นยุคสิ้นสุดอำนาจของจอมพลถนอม กิตติขจร แล้ว อีกทั้งการปฏิวัติจะทำให้เกิดการสูญเสีย และลุกลามจนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ก่อนหน้านั้น ผู้นำนักศึกษาและแรงงานเริ่มยุติการชุมนุม และบางส่วนถูกจับกุมตัว อีกทั้งยังมีนักศึกษาจำนวนมากตระหนักได้ว่า มีการคุกคามพระราชวงศ์เกิดขึ้นจริง จึงเตรียมถอนตัวจากการชุมนุม หากแต่เกิดการปะทะขึ้นอย่างกะทันหันเสียก่อนดังนั้นทางสหรัฐฯ จึงสรุปว่า การทำรัฐประหารในครั้งนั้น จำเป็นต้องเกิดขึ้นเพื่อควบคุมสถานการณ์การปะทะกันระหว่างนักศึกษาและฝ่ายรัฐบาล มิได้เกิดจากการสั่งการของพระมหากษัตริย์แต่ประการใด นี่เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่ยืนยันชัดเจนว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง และไม่ได้เป็นผู้สั่งให้เกิดการนองเลือดในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 แต่อย่างใดซึ่งปัจจุบันต่างก็มีข้อมูล ตลอดจนทรรศนะของนักวิชาการหลายคน ที่สนับสนุนคำยืนยันนี้ แม้แต่ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ทุ่มเวลาศึกษากรณี 6 ตุลา มาทั้งชีวิต ก็ยังยืนยันหัวชนฝาว่า “เป็นไปไม่ได้ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 จะเป็นผู้สั่งฆ่าประชาชน” อ้างอิง :[1] หนังสือ บันทึกการปฏิวัติ 1-3 เมษายน 2524 กับข้าพเจ้า, 2525 โดย บุญชนะ อัตถากร[2] 425. Telegram 28513 From the Embassy in Thailand to the Department of State, October 14, 1976, 1117Z.[3] ทรรศนะ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล 28 มกราคม 2561
ARTICLES ต.ค. 22nd หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ไม่ใช่การใช้งบประมาณฟุ่มเฟือยเพื่อสร้างกองทัพส่วนพระองค์