เปิดข้อเท็จจริง กฎ Must-have และ Must-carry กีดกันสิทธิของประชาชนจริงหรือ ?

ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ.2555 ที่คนไทยได้เผชิญกับปัญหาที่กระทบกับการรับชมการถ่ายทอดสดกีฬานัดสำคัญของโลก ปัญหาที่ว่านี้ก็คือการไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ผ่านช่องทีวีสาธารณะ (ฟรีทีวี) ได้ นอกเหนือจากช่องทางของแกรมมี่เพียงรายเดียวซึ่งเป็นช่องสื่อสารมวลชนที่เอกชนเป็นเจ้าของผู้ให้บริการ

เหตุการณ์ดังกล่าวรู้จักกันในสมัยนั้นว่าเหตุการณ์ “จอดำ” ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดสดในครั้งนั้นได้นอกเสียจากต้องเสียเงินเพื่อซื้อบริการสื่อทีวีเอกชนเพิ่มเติมซึ่งเป็นการที่ต้องทำให้ประชาชนมีต้นทุนมากขึ้นในชีวิตประจำวัน

เหตุนี้ทำให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้หารือและถกเถียงในประเด็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคและการกีดกันทางการค้า พร้อมทั้งได้พยายามหาทางออกจากประเด็นปัญหาดังกล่าว จนได้ข้อสรุปร่วมกันว่าภาครัฐควรจะต้องแบกรับภาระในการเช่าซื้อสัญญาณในการถ่ายทอดสดเสียเอง เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้อย่างเท่าเทียม

เบื้องต้น กสทช. ได้ออกกฎ “Must-carry” เพื่อเป็นหลักประกันว่าประชาชนคนไทยจะสามารถรับชมบริการโทรทัศน์ที่เป็นทั่วไป (ฟรีทีวี) ไม่ว่าจะรับชมผ่านเทคโนโลยี อุปกรณ์ หรือช่องทางใดๆ ก็ตามโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือทำซ้ำ  และเพื่อแก้ไขปัญหา “จอดำ” ดังกล่าว กสทช. ได้ออกกฎอีกข้อหนึ่งออกมาในช่วงเดียวกันด้วยคือกฎ “Must-have” โดยมีจุดประสงค์ในการตั้งขึ้นเพื่อสร้างหลักประกันว่าประชาชนจะสามารถรับชมรายการโทรทัศน์แบบถ่ายทอดสด 7 รายการสำคัญโดยเฉพาะรายการกีฬาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมผ่านทางบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป

ประเด็นนี้อาจมีข้อโต้แย้งว่าเป็นการที่รัฐลงทุนโดยเปล่าประโยชน์ สวนทางกับโลกเสรีนิยมโดยทั่วไปที่รัฐมักจะให้อิสระและทางเลือกแก่ประชาชนมากกว่าที่จะดำเนินกิจการทุกอย่างด้วยตัวเอง ดังนั้น รัฐจึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องแบกรับภาระหรือการให้บริการสาธารณะที่ไม่จำเป็น เพราะถ้าหากประชาชนคนไทยต้องการจะชมการถ่ายทอดสด ก็ควรจะออกเงินซื้อช่องการเข้าชมเองกว่าจะพึ่งเงินหลวงของรัฐ

แต่ถ้าหากมองอย่างใจเป็นธรรมแล้ว แม้แต่ในต่างประเทศก็มีกฎ/ระเบียบที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ด้วย นอกจากนั้นการถ่ายทอดรายการกีฬาเองก็ถูกจัดอยู่ในรายการที่ถูกกำหนดให้เผยแพร่เพราะสามารถสร้างความกลมเกลียวของคนในประเทศได้ และอีกแง่หนึ่งยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพราะผู้คนจะจับจ่ายใช้สอยในการเชียร์ฟุตบอลหน้าจอ เช่น การซื้อเครื่องดื่มต่างๆ หรือกระทั่งการไปนั่งเชียร์ที่ร้านอาหารพร้อมกลุ่มเพื่อนก็ย่อมเป็นการผลักให้เม็ดเงินไหลเวียนไปยังท้องที่ด้วย ดังที่มีรายงานการประมาณการว่าการถ่ายสดฟุตบอลโลกจะสร้างเม็ดเงินในประเทศไทยราว 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวหมายรวมถึงการจับจ่ายใช้สอยที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลบอลโลกอีกด้วย

นอกจากนี้ การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกของประเทศไทยก็ได้มีการใช้กฎ “Must-have” ในการถ่ายทอดสด ซึ่งการมีอยู่ของกฎข้อนี้ ในอดีตศาลปกครองเคยพิพากษาไว้ส่วนหนึ่งว่ากฎดังกล่าวนี้เป็นการดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากรายการโทรทัศน์ซึ่งอยู่ภายในอำนาจของ กสทช. เพื่อทำให้ประชาชนทุกคนสามารถรับชมได้โดยไม่ต้องผ่านช่องทางของเอกชนใดเอกชนหนึ่งเท่านั้น สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของรัฐในการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนโดยทั่วหน้า กรณีเช่นนี้สามารถเทียบได้กับการอุดหนุนให้ประชาชนไม่ต้องการจ่ายโดยตรงอื่น ๆ อาทิ การประกันราคาสินค้าทางการเกษตร เป็นต้น และเมื่อเข้าใจวัตถุประสงค์หรือเจตนารมณ์ของกฎ “Must-have”  แล้วจะเห็นได้ว่า กฎข้อนี้มีไว้เพื่อรักษาสิทธิ์ของประชาชนซึ่งปฏิบัติภายใต้หลักผลประโยชน์มหาชนนั่นเอง มิใช่กีดกันสิทธิ์ของประชาชนอย่างที่สื่อบางสำนักกล่าวอ้างแต่อย่างใด

จึงกล่าวได้ว่าบทบาทหน้าที่ของ กสทช. ในการออกกฎ “Must-have” ดังกล่าวกระทำไปเพื่อเป็นการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนคนไทยอย่างเท่าเทียม

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันการตัดสินใจเข้าแทรกแซงเอกชนของกฎ “Must-have” ภายในการควบคุมดูแลของ กสทช. อาจจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เหมาะสมแก่กาลสมัย เป็นต้นว่า การเข้าถึงบริการช่องทางสื่อเอกชนเริ่มถูกลงและมีการขยายการให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้น (อาจเป็นเพราะการแข่งขันทางตลาด) ทำให้นโยบายในการแทรกแซงของรัฐต่อเอกชนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ดังนั้น การปรับปรุงแก้แกให้กฎดังกล่าวมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เอกชนเข้ามาร่วมมีส่วนร่วม น่าจะเป็นทางออกที่น่าพึงพอใจในอนาคต

อ้างอิง :

[1] เมื่อ “จอดำ” ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นสิทธิและการแข่งขันที่เป็นธรรม
[2] ศักดิพัฒน์ ธานี, “การกําหนดการเผยแพร่รายการโทรทัศน์ตามหลักเกณฑ์ Must-carry Rule และ Must-have Rule: ศึกษากรณีการถ่ายทอดรายการกีฬาในประเทศไทย,” (วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายมหาชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2559). หน้า 45.
[3] Live broadcast of football World Cup ‘would increase money circulation in economy’

TOP
y

Emet nisl suscipit adipiscing bibendum. Amet cursus sit amet dictum. Vel risus commodo viverra maecenas.

r

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า