เข้าใจรากเหง้า และที่มาของเลขไทย และเลขสากล ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากระบบเลขเดียวกัน

กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจขึ้นมา เมื่อคุณ สฤณี อาชวานันทกุล โพสต์สนับสนุนให้มีการเลิกใช้เลขไทย [1] ซึ่งก็มีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จนกลายเป็นข้อถกเถียงขึ้นมา และมีการโยงว่า เลขไทยนั้นยืมมาจากเขมรโบราญอีกที [2]

ก่อนที่เราจะกล่าวถึงที่มา เราจะย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของตัวเลข และวิชาคณิตศาสตร์กันก่อน โดยวิชาคณิตศาสตร์นั้นเป็นวิชาที่มนุษย์เราสร้างขึ้นเพื่อการนับและการคำนวณถึงจำนวนของสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการ โดยเริ่มต้นจากสิ่งที่เป็นรูปธรรมเช่น จำนวนของก้อนหิน ไปจนถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่าง น้ำหนักของวัตถุ แรงตกกระทบ หรือจำนวนอะตอมนั่นเอง

โดยตัวเลขคือสัญลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการสื่อสาร ไม่ว่าจะตัวเลขของชาวอียิปต์โบราณที่วาดภาพสัญลักษณ์ต่าง ๆ แทนจำนวน เมื่อ 3 พันปีก่อนคริสตกาล [3] หรือระบบเลขอารบิก ที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายคนกลายเป็นเลขสากลในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ระบบตัวเลขแทบจะทุกระบบในโลก เป็นเลขในระบบ “เลขฐานสิบ (Decimal)” ซึ่งเป็นระบบตัวเลขที่มีตัวเลข 10 ตัว ในขณะที่เลขฐานอื่นที่ยังมีใช้ในปัจจุบันคือ เลขฐานสอง และ เลขฐานสิบหก ซึ่งใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ นั้นเอง

สำหรับเลขไทยนั้น หากบอกว่ามีความคล้ายคลึงกับเลขของเขมร และเลขลาวนั้น เนื่องจากทั้ง 3 ชาตินี้ เป็นชาติที่มีมีความสัมพันธ์ระหว่างกันมาแต่โบราณกาล โดยเขมรเคยมีระดับอารยธรรมที่สูงกว่าทั้งไทยและลาว ในยุคจักรวรรดิเขมร (ค.ศ. 802–ค.ศ. 1431) ดังนั้น ความคล้ายคลึงดังกล่าวนี้ ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจเลย

นอกจากนี้ วัฒนธรรมของจักรวรรดิเขมรนี้ รับช่วงมาจากวัฒนธรรมฮินดูอีกที ดังนั้น ระบบตัวเลขของเขมรนี้ รับเอาระบบตัวเลขฮินดู เข้ามาใช้ด้วยเช่นกัน [4]

ซึ่งระบบเลขฮินดู-อารบิกนี้เอง คือระบบตัวเลขที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน

จุดเริ่มต้นของเลขฮินดู และวิชาคณิตศาสตร์อินเดียนั้นถูกพัฒนาขึ้นในช่วง 1200 ปีก่อนคริสตกาล [5] ซึ่งวิชาคณิตศาสตร์อินเดียนั้น ไม่เพียงพัฒนาระบบตัวเลข แต่ยังเป็นต้นกำเนิดของวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานในปัจจุบันหลายวิชา อาทิเช่น เลขศูนย์, จำนวนลบ, พีชคณิต [5] อีกด้วย

วิชาคณิตศาสตร์และระบบตัวเลขฮินดู แพร่หลายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ผ่านการค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม โดยทางตะวันตก ชาวอาหรับได้รับเอาตัวเลขฮินดูเข้าไปใช้และพัฒนาต่อจนแพร่หลายในโลกมุสลิม ก่อนที่จะส่งต่อถึงชาวยุโรป ผ่านการมีปฎิสัมพันธ์กันระหว่างสเปนและแอฟริกาเหนือ

“Codex Vigilanus” เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นใน ค.ศ. 976 คือบันทึกทางประวัติศาสตร์ ที่ไม่เพียงเป็นเอกสารทางยุโรปฉบับแรกที่กล่าวถึงเลขอารบิกเท่านั้น แต่ยังอธิบายถึงการเข้ามาของเลขอารบิกในช่วง ค.ศ. 900 นั่นเอง

ในช่วงต้นของการเผยแพร่ระบบตัวเลขอารบิก พระสันตะปาปาซิลเวสเตอร์ที่ 2 และ ลีโอนาโด ฟิโอนาชี นักคณิตศาสตร์แห่งสาธารณรัฐปิซ่า คือหัวแรงสำคัญในการเพยแพร่ แต่สิ่งที่ทำให้ตัวเลขอารบิกแพร่หลายในยุโรป จวบจนปัจจุบันคือการเข้ามาของเทคโนโลยีการพิมพ์

สำหรับ ญี่ปุ่น, เกาหลี และเวียดนาม ทั้ง 3 ชาตินี้ รับเอาระบบตัวเลขสืบต่อมาจากทางจีนอีกที ซึ่งจีนนั้น แต่เดิมใช้ระบบ “เส้นขีด” ซึ่งถึงแม้ว่าในยุคโบราณนั้น ระบบตัวเลขอารบิกจะเข้ามาในจีนบ้างแล้ว ผ่านชาวหุย ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในจีนที่นับถืออิสลาม ช่วงยุคราชวงศ์หมิง [6] [7] แต่ผู้ที่มีอิทธิพลในการเพยแพร่ระบบตัวเลขอารบิกในจีน จนเข้ามาทดแทนระบบตัวเลขแบบเดิมได้ กลับเป็นกลุ่มมิชชันนารีชาวโปรตุเกส [6][7]

ดังนั้น จะเห็นได้เลยว่า ไม่เพียงเลขไทย และเลขเขมรเท่านั้นที่มีความคล้ายคลึงกัน หากแต่อีกหลายระบบตัวเลขในโลกก็มีความคล้ายคลึงกันด้วย

ซึ่งนี่เพราะ ล้วนแต่มีจุดกำเนิดมาจากระบบตัวเลขฮินดูของอินเดีย ซึ่งเรียกรวมกันว่า “ระบบตัวเลขฮินดู-อารบิก” เหมือนกัน [8]

สุดท้ายนี้ ทุก ๆ วัฒนธรรมล้วนแต่มีพัฒนาการขึ้นมาจากสิ่งที่สังคมในแต่ละยุคสมัยนั้นเห็นว่าดีงาม ซึ่งนี่รวมไปถึงเลขไทยและเลขเขมรด้วยเช่นกัน

สำหรับเลขไทย ณ จุดเริ่มต้น ไทยรับเอามาจากเขมร แต่ก็มีการพัฒนารูปแบบของตัวเลขมาตามยุคสมัย [9] อีกทั้งเนื่องด้วยภายหลัง ราชสำนักอยุธยาและรัตนโกสินทร์ มีอิทธิพลเหนือกว่าราชสำนักเขมร ทำให้ตัวเลขเขมรยุคหลัง ได้รับอิทธิพลจากไทยมากกว่านั่นเอง [10]

นอกจากนี้ วัฒนธรรม ไม่เพียงเป็นสมบัติสาธารณะของชนชาติใดชนชาติหนึ่งเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสมบัติร่วมกันของมนุษยชาติอีกด้วย เพราะวัฒนธรรม คือภาพสะท้อนวิถีชีวิต ความรู้สึกนึกคิดและความเป็นไปของมนุษย์แต่ละกลุ่ม [11]

มันไม่สำคัญว่าวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์นั้นจะมีจำนวนเท่าไร

ถึงแม้จะเป็นวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์เล็ก ๆ ที่ปัจจุบันมีเหลือเพียงไม่กี่หมื่นคนในโลก เราก็ควรจะให้เกียรติวิถีของพวกเขา ตามหลักการสิทธิมนุษยชนสากล และเราควรช่วยเหลือส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมของพวกเขา ให้ยืนยงอยู่คู่โลกของเรา ตลอดไป

TOP
y

Emet nisl suscipit adipiscing bibendum. Amet cursus sit amet dictum. Vel risus commodo viverra maecenas.

r

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า