สองพระองค์ผู้พลิกฟื้นประเทศไทย จากวิกฤติสงครามโลก ผ่านความสัมพันธ์ทางการทูต

น้อยคนที่จะรู้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงเป็นนักการต่างประเทศและนักการทูตที่ยอดเยี่ยม ซึ่งพระอัจฉริยภาพด้านนี้ของทั้งสองพระองค์ มีส่วนสำคัญในการช่วยพลิกฟื้นสถานะของประเทศไทย ให้ทัดเทียมกับต่างชาติ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในปี พ.ศ. 2488 ประเทศไทยต้องทำสัญญากับออสเตรเลีย อังกฤษ ฝรั่งเศส เพื่อจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม จากการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น นั่นคือจุดเริ่มต้นของยุคถดถอยทางเศรษฐกิจ ไทยต้องชำระหนี้สงครามเป็นจำนวนมหาศาล ชนิดเรียกได้ว่าก่อนปี 2500 ประเทศไทยยากจนแร้นแค้น ขาดแคลนทั้งอาหารและเครื่องอุปโภค ทั้งถนน ไฟฟ้า น้ำประปา กระทั่งโรงพยาบาล หรือโรงเรียนก็มีแทบจะนับที่ได้

ภายหลังจากเหตุการณ์สวรรคตอย่างกะทันหันของในหลวงรัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เป็นผลให้รัชกาลที่ 9 ต้องทรงครองราชย์สืบต่อจากพระเชษฐา ซึ่งในช่วงเวลานั้นถือได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก ทั้งจากคนในรัฐบาลที่ต่างคอยฉกฉวยผลประโยชน์จากสถาบันพระมหากษัตริย์ และประเทศก็เพิ่งอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงยากลำบาก

เรียกได้ว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 แทบไม่มีพระราชอำนาจใด ๆ ในขณะนั้นเลย

แต่พระองค์ก็ได้ทรงอดทนทุ่มเทพระวรกาย ในการพลิกฟื้นประเทศไทยให้กลับสู่สถานะที่ดีขึ้น ผ่านการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ดังจะเห็นได้ชัดเจนหลังช่วงปี พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปรวม 14 ประเทศกับ 1 รัฐ ระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน ถึง 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503

ซึ่งในระหว่างการเสด็จเยือนต่างประเทศ ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระอิริยาบถที่สุขุม สง่างาม ทรงตรัสได้หลายภาษา อย่างดีมาก ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และทรงเข้าใจขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมแบบฝรั่ง จนได้รับความเคารพนับถือจากประมุขและหัวหน้ารัฐบาลของประเทศต่าง ๆ

ดังจะเห็นได้จากการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากพระราชินีอลิซาเบ็ธที่ 2 แห่งอังกฤษ และเจ้าชายฟิลิปพระสวามี ครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เสด็จเยือนสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 19 – 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2503

จากพระราชกรณียกิจในการเสด็จเยือนต่างประเทศของทั้งสองพระองค์ ส่งผลให้ประธานาธิบดี กษัตริย์ ตลอดจนหัวหน้ารัฐบาลของประเทศต่าง ๆ เสด็จและเดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นการตอบแทน

ทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากทั่วโลก มีการเปิดตลาดการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนการลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามา ดังจะเห็นได้จากการลงทุนของบริษัทใหญ่ ๆ จากญี่ปุ่น ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ระหว่างพระจักรพรรดิญี่ปุ่นกับราชวงศ์ไทย อีกทั้งเป็นยุคที่ประมุขของต่างประเทศเสด็จเยือนต่างจังหวัด เช่นเชียงใหม่ จนกลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลก

เมื่อประเทศไทยกลายเป็นที่รู้จักของต่างชาติ ตลาดการท่องเที่ยวก็เริ่มต้นขึ้น และพัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นรายได้อันดับต้น ๆ ของประเทศในเวลาต่อมา

นับเป็นยุคสมัยแห่งการฟื้นฟูอารยธรรม วัฒนธรรม ตลอดจนการกู้สถานะของไทยจากการเป็นประเทศแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ร่วมกับญี่ปุ่น เยอรมัน และอิตาลี

ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า จากปี พ.ศ. 2475 – 2500 ซึ่งถือเป็นยุครุ่งเรืองของคณะราษฎร แต่ประเทศไทยกลับไม่มีประวัติศาสตร์ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจเลย หากแต่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนผ่านอำนาจ และฉกฉวยผลประโยชน์ของกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน จนกระทั่งประเทศเข้าสู่ยุคถดถอยทางเศรษฐกิจในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แต่ด้วยพระราชกรณียกิจในการเสด็จเยือนต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ นี้เองที่แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ว่า นอกจากทั้งสองพระองค์จะทรงเป็นนักการต่างประเทศและนักการทูตที่ยอดเยี่ยมแล้ว การเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ในครั้งนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพลิกฟื้นประเทศไทยให้กลับสู่สถานะที่ดีขึ้น และพัฒนาต่อเนื่องในด้านเศรษฐกิจเรื่อยมาจวบจนถึงปัจจุบัน

TOP
y

Emet nisl suscipit adipiscing bibendum. Amet cursus sit amet dictum. Vel risus commodo viverra maecenas.

r

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า