ฤา Podcast Ep 14 – SCB เป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์มาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ทรัพย์สินแผ่นดินตามคำบิดเบือน
ยังมีการปล่อยเรื่องบิดเบือนออกมาอยู่เรื่อยๆ จากปากนักวิชาการบางคนว่า การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้น SCB จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการเอาทรัพย์สินของแผ่นดินที่แต่เดิมเป็นของกระทรวงการคลัง ไปเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์
อยากจะบอกว่า นักวิชาการพวกนี้มั่ว และวันๆ ขยันสร้างแต่เรื่องโกหก
ความจริงก็คือ SCB เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกของคนไทย ที่จัดตั้งขึ้นในสมัย ร.5 ในนาม “บุคคลัภย์” (Book Club) โดยมีจุดประสงค์เพื่อทดลองดำเนินกิจการธนาคารพาณิชย์ ก่อนจะต่อยอดไปสู่การสร้างธนาคารกลางขึ้นมาเพื่อควบคุมธนาคารพาณิชย์ของต่างชาติซึ่งมีอยู่มากมายในขณะนั้น
เป็นพระวิสัยทัศน์ของในหลวง ร.5 ในการป้องกันไม่ให้ต่างชาติเข้ามาควบคุมระบบการเงินและเศรษฐกิจของไทย
ต่อมา บุคคลัภย์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ธนาคารสยามกัมมาจล ในปี พ.ศ. 2449 โดยมีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ในปี พ.ศ. 2482
จากจุดเริ่มต้นของ บุคคลัภย์ มาถึง ธนาคารสยามกัมมาจล ที่เดินทางผ่านวิกฤติการเงินต่างๆ มามากมาย จนกระทั่งในหลวง ร.6 ได้เข้ามาลงทุน และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ช่วยเหลือ ทำให้ธนาคารสยามกัมมาจลรอดพ้นจากวิกฤติครั้งใหญ่ไปได้
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ธนาคารสยามกัมมาจล ก็มีฐานะเป็นบริษัทเอกชนที่ถือหุ้นในพระปรมาภิไธย ในฐานะพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2456
ดังนั้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ พ.ศ. 2456 จนกระทั่งปัจจุบัน หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ที่ในหลวง ร.6 ลงทุนในครั้งนั้น จึงเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์มาโดยตลอด แม้ต่อมาการถือครองทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินฯ จะกระทำในนามของกระทรวงการคลัง (Legal Ownership) แต่พระมหากษัตริย์ก็ยังเป็นผู้มีสิทธิ์ในดอกผล (Equitable Ownership) จากการบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั่นเอง
แล้วรู้ไหมครับว่า การโอนเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์จากกระทรวงการคลัง มาเป็นการถือครองในพระปรมาภิไธยนั้น เนื่องจากในหลวง ร.10 ทรงต้องการให้สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ดำเนินงานอย่างถูกต้อง และมีการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย