
ย้อนอดีตการฟื้นฟูแบบก้าวกระโดดของจังหวัด ‘เชียงราย’ จากดินแดนแร้นแค้น สู่เมืองท่องเที่ยวและแหล่งธุรกิจสุด Cool
พูดถึงจังหวัดทางภาคเหนือที่คนนิยมไปเที่ยว นอกจากเชียงใหม่แล้วหลายคนคงนึกถึง “เชียงราย ดินแดนเหนือสุดของสยาม” ที่ตอนนี้การท่องเที่ยวกำลังบูมมาก เพราะเชียงรายเป็นเมืองที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว อากาศดีโดยเฉพาะหน้าหนาว และค่าครองชีพก็ไม่สูง อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีทั้งศิลปะและสถาปัตยกรรมสวยๆ และตอนนี้ก็ยังมีธุรกิจการลงทุนต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย
จังหวัดเชียงรายนั้นเมื่อก่อนแทบจะไม่ได้รับความสนใจเลย เพราะอยู่เหนือสุดของไทย การเดินทางก็ยากลำบาก สภาพพื้นที่มีแต่เขาหัวโล้น แต่ทุกวันนี้เชียงรายได้ถูกฟื้นฟูพัฒนาจนมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์สวยงาม กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ใครต่อใครต่างก็ไปกัน ซึ่งสถานที่ฮิตๆ มีทั้งภูชี้ฟ้า ถ้ำหลวง ดอยตุง ดอยแม่สลอง หรือแม้แต่ตลาดช้อปชิลอย่างตลาดแม่สาย
และเชียงรายยังมีผลผลิตทางการเกษตรที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คือ ชา กาแฟ โดยเฉพาะ “กาแฟดอยตุง” กับ” กาแฟดอยช้าง” ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ในสหภาพยุโรป เพราะว่ากาแฟของที่นี่มีความแตกต่างไม่เหมือนที่อื่น และยังถูกนำมาแปรรูปขายทั้งในและต่างประเทศด้วย ซึ่งแบรนด์ใหญ่ๆ ส่วนมากก็จะใช้วัตถุดิบจากที่นี่
ความโดดเด่นอีกด้านหนึ่งคือ ศิลปะและสถาปัตยกรรม จังหวัดเชียงรายมีศิลปินระดับประเทศและระดับโลกซึ่งได้สร้างสรรค์ผลงานล้ำค่าเอาไว้มากมาย อาทิ “วัดร่องขุ่น” ของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่มีความสวยงามและเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือ “บ้านดำ” ของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบกาแลที่งดงาม และมีผลงานศิลปะของ อ.ถวัลย์ ให้ชมนับหมื่นๆ ชิ้น และที่เชียงรายยังมีศิลปินรุ่นใหม่ๆ หลายคนใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นรวมตัวกันเป็นเครือข่ายกลุ่มศิลปินเชียงรายด้วย
ด้วยความหลากหลายเหล่านี้ทำให้เชียงรายมีการเติบโตทางธุรกิจ และมีภาคเอกชนเข้าไปลงทุนมากมาย เช่น “สิงห์ปาร์ค” ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวยงามบนเนื้อที่กว่า 8,000 ไร่ มีการปลูกทั้งดอกไม้เมืองหนาวและไร่ชา มีการท่องเที่ยวในลักษณะนั่งรถดูดอกไม้แบบฟาร์มทัวร์ และยังมีกิจกรรม adventure ต่างๆ รวมถึงงานแสดงบอลลูนระดับโลกที่หลายคนรู้จักกันดี
แหล่งท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจคือ “ไร่ชาฉุยฟง” ซึ่งเป็นแหล่งปลูกชาชั้นดี บนเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ โดยที่นี่จะมีการปลูกชาโค้งวนตามสันเขาและลดหลั่นเป็นขั้นบันได ซึ่งดูสวยงามแปลกตากว่าไร่ชาที่อื่น ทำให้ ไร่ชาฉุยฟง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าประทับใจอีกแห่งหนึ่ง ที่ไปเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปี
จังหวัดเชียงรายยังมีการเติบโตของธุรกิจใหม่ๆ จากนักลงทุนรุ่นใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย ทั้งภาคการโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือภาคการเกษตรที่มีการลงทุนด้านการแปรรูปผลผลิต มีการนำกาแฟ ใบชา มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย ทั้งกาแฟคั่วบด ใบชาอบแห้ง หรือแยมชาเขียว
และตอนนี้ที่เชียงรายยังได้มีการผลักดันให้เป็นศูนย์รวมการแพทย์และสปอร์ตซิตี้อีกด้วย เนื่องจากมีพื้นที่เหมาะสมและอากาศดี ทำให้มีนักกีฬาระดับโลกมาเก็บตัวที่เชียงรายกันมาก และยังมีการเพิ่มการลงทุนของโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยต่างๆ อาทิ ม.แม่ฟ้าหลวง ที่ทุ่มงบเปิด รพ.ศูนย์การแพทย์ ทันตแพทย์ เพื่อพัฒนาให้เชียงรายเป็นทั้งศูนย์การแพทย์และการศึกษาที่ใหญ่ขึ้น
แต่ก่อนที่จังหวัดเชียงรายจะเจริญและสวยงามอย่างทุกวันนี้ รู้ไหมครับว่า เมื่อก่อนเชียงรายแทบจะไม่มีใครสนใจเลย เพราะเป็นจังหวัดที่มีแต่ความทุรกันดาร เดินทางลำบาก และจากการที่ไม่มีถนนหนทางติดต่อกับโลกภายนอก ชาวเขาที่อาศัยอยู่ที่นี่จึงไม่รู้ว่าจะประกอบอาชีพอะไรจึงจะอยู่รอดได้ ก็เลยพากันปลูกฝิ่น กลายเป็นปัญหาเรื่องยาเสพติด โดยที่สมัยก่อนเชียงรายถือเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักของการขนถ่ายยาเสพติดเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่ความเสียหายต่อประเทศที่ประเมินค่าไม่ได้เลย
ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงทรงเล็งเห็นปัญหานี้ และทรงเข้ามาพัฒนาพื้นที่รวมทั้งช่วยเหลือชาวเขาให้เลิกปลูกฝิ่น โดยพระองค์ได้เสด็จฯ ไป “ดอยผาหมี” เพื่อช่วยเหลือชาวเขา ในปี พ.ศ. 2513 ทรงนำพืชพันธุ์ต่างๆ นับร้อยชนิดมาทดลองปลูก หากชนิดไหนได้ผลดีก็จะทรงให้ปลูกแทนฝิ่น จนสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่ยั่งยืน และพลิกชีวิตให้กับชาวเขาเหล่านั้นได้ ซึ่งพระองค์ได้เสด็จฯ ไปดอยผาหมีอีกหลายครั้งทั้งในปี 2515 และ 2517 และทุกวันนี้ชาวเขาต่างก็เลิกปลูกฝิ่นหันไปปลูกผลไม้เมืองหนาวและกาแฟซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของที่นี่ จนปัจจุบันนี้หมู่บ้านผาหมีกลายเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ และยังเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย
นอกจากทรงส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเขาแล้ว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ยังได้พระราชทานเหรียญสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้ชาวเขาที่นั่นได้รับสัญชาติไทยและอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย เป็นพสกนิกรของพระองค์ และร่วมกันพัฒนาพื้นที่มาจนถึงปัจจุบัน
สิ่งเหล่านี้ยืนยันได้จากคำพูดของ “พ่อหลวงซาเจ๊ะ” อดีต ผญบ.ผาหมี ที่ว่า “ถ้าไม่มีในหลวง ร.9 ชาวเขาก็ไม่มีวันนี้แน่นอน”
และอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของเชียงรายที่ต้องพูดถึงคือ “ดอยตุง” อ.แม่ฟ้าหลวง ซึ่งที่นี่เมื่อก่อนมีแต่ภูเขาหัวโล้น มีแต่ป่าเสื่อมโทรม ชาวเขาและชาวบ้านบนดอยตุง ต่างก็มีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากจน ต้องอยู่กันอย่างแร้นแค้นและขาดโอกาสในการใช้ชีวิต
แต่ในที่สุดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็มาถึง เมื่อ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) เสด็จฯ มาเยือนดอยตุงเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2530
สมเด็จย่าท่านทรงตระหนักว่ารากเหง้าของปัญหาที่นี่ คือ ความยากจนและการขาดโอกาสในการดำเนินชีวิต พระองค์จึงมีพระราชดำริและพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้าง “บ้านหลังแรก” ของพระองค์ขึ้นที่ดอยตุง เมื่อเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2530 เพื่อที่พระองค์จะได้มาทรงงานที่นี่ โดยทรงมีรับสั่งว่า “ฉันจะปลูกป่าบนดอยตุง”
จากนั้นทรงริเริ่ม “โครงการพัฒนาดอยตุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ขึ้นในปี พ.ศ. 2531 โดยในตอนนั้นพระองค์มีพระชนมายุ 87 พรรษาแล้ว ซึ่งเป็นวัยที่หลายคนลงความเห็นว่าควรต้องพักผ่อน แต่พระองค์ก็ทรงเลือกที่จะทรงงานต่อเพื่อช่วยเหลือชาวเขาบนดอยตุง
จากนั้นมา ดอยตุงก็ได้รับการฟื้นฟูผืนป่าไปพร้อมๆ กับการปลูกพืชเศรษฐกิจต่างๆ มีการสร้างโรงงานแปรรูปทางการเกษตร งานหัตถกรรม รวมไปถึงงานด้านการท่องเที่ยว จนเกิดเป็น “แบรนด์ดอยตุง” ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 และดำเนินการมายาวนานจนสามารถเลี้ยงตัวเองได้จนถึงทุกวันนี้ ทำให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพให้ชาวบ้านได้อย่างยั่งยืน
นอกจากการพื้นฟูผืนป่าและสร้างอาชีพให้ชาวเขาแล้ว ยังมีการส่งเสริมความรู้และให้การศึกษาแก่ชาวบ้านด้วย นั่นคือการจัดโครงการสอนการเรียนรู้ทั้งด้านพื้นฐาน และทักษะอาชีพที่เหมาะสมให้กับเด็กๆ ชาวเขา เรียกได้ว่าพัฒนาไปพร้อมกันทุกด้าน ซึ่งโครงการพัฒนาดอยตุงฯ เป็นโครงการที่วางแผนดำเนินการเป็นระยะยาวมา 30 กว่าปีแล้ว
ทุกวันนี้ จากภูเขาหัวโล้นที่เสื่อมโทรม จากความแร้นแค้น ดอยตุงได้กลับมาสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง เมื่อ “สมเด็จย่า” เสด็จฯ มาที่นี่ และทรงทำให้ดอยตุงฟื้นคืนชีวิตชีวา ชาวเขาและชาวบ้านต่างมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้ทุกคนมีงานทำ มีรายได้ และยังส่งผลให้ดอยตุง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงรายอีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือความเจริญของจังหวัดเชียงราย ที่มีความโดดเด่นในหลายๆ ด้าน และมีการเติบโตทางธุรกิจมากมาย ซึ่งการลงทุนเหล่านี้ จะส่งผลทางอ้อมทำให้รายได้ของคนในจังหวัดเชียงรายเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย และที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ที่กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ใครต่อใครก็อยากมาเที่ยว ทำให้เกิดการกระจายรายได้แบบวงกว้างสู่คนในพื้นที่ เรียกได้ว่าเชียงรายเป็นจังหวัดที่สร้างโอกาสให้กับคนทุกชาติพันธุ์เลยทีเดียว
ที่มา :
[1] 5 เสน่ห์ “เชียงราย” ที่อยากให้ไปสัมผัส
[2] ลงทุนธุรกิจอะไรดีในเชียงราย?
[3] เชียงราย Hidden Gem แห่งใหม่ ตลาดท่องเที่ยวไทย ที่นักลงทุนทุกคนต้องรู้
[4] กรณีศึกษา การเติบโตของ จังหวัดเชียงราย
[5] เปิดใจ “พ่อหลวงซาเจ๊ะ” ผู้จูงลาถวาย “ในหลวง ร.๙” เสด็จฯ ช่วยคนดอยผาหมีเลิกปลูกฝิ่นจนถึงวันนี้
[6] “20 ปี เราไม่ลืม” พระมหากรุณาธิคุณ “สมเด็จย่า” พลิกฟื้นผืนป่า สู่การท่องเที่ยวบนดอยตุง
[7] ชมงาน “คิดถึง…สมเด็จย่า” และ “50 ปี มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ”
[8] พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง