ย้อนรอยการพนัน ในวันที่ไทยเคยมี กาสิโนถูกกฎหมาย

ช่วงนี้หลายคนคงกำลัง Work From Home กันอยู่ที่บ้าน และดูจากสถานการณ์แล้ว คงต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนาน ในสภาวะที่ COVID-19 ยังล้อมกรอบ สิ่งเดียวที่ทำได้คือดูแลตัวเองอยู่กับบ้านตามมาตรการของรัฐบาล ฟังดูแล้วก็น่าเบื่อดีเหมือนกัน

แต่ถึงแม้กฎระเบียบจะเข้มงวดขนาดไหน บางธุรกิจก็ยังมีการฝ่าฝืนกันอยู่เรื่อย ๆ ตามอุปสงค์และอุปทานของตลาดนั้น ๆ โดยเฉพาะโซนธุรกิจสีเทา ซึ่ง “บ่อนการพนัน” คือหนึ่งในนั้น

มีบ่อนการพนันผิดกฎหมาย กระจายอยู่ในกรุงเทพฯ กว่า 50 บ่อน และต่างจังหวัดอีกนับไม่ถ้วน เข้าออกกันง่าย ๆ เพราะเป็นที่รู้กันของนักเล่นพนันอยู่แล้วบ่อนเถื่อนเหล่านี้เปิดกันชนิดเย้ยฟ้าท้ากฎหมาย ยิ่งห้ามก็ยิ่งมีการแอบเล่น กระทั่งเกิดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ของ COVID-19 จากบ่อนระยอง ที่เป็นข่าวครึกโครมเมื่อปีที่แล้ว

หลายคนเคยเสนอไอเดียว่า แล้วทำไมไม่จัดให้ถูกกฎหมาย ควบคุมโซนพื้นที่ จำกัดคนเข้า เอาให้ถูกต้องกันไปเลย ฟังดูแล้วเหมือนจะดีอยู่ แต่ไม่มีใครรู้ได้ว่าผลกระทบที่ตามมานั้น จะกลายเป็นปัญหาใหม่ ๆ ที่ลากยาวกันออกไปไม่รู้จบหรือไม่

แต่ใช่ว่า เรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้น
รู้ไหมว่า จริง ๆ แล้ว “ประเทศไทยเคยมีกาสิโนมาก่อน”
และทำรายได้ “มหาศาล” เสียด้วย

หากย้อนกลับไป บ่อนการพนันมีมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ กระทั่งการคลังมีเสถียรภาพมากในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงโปรดฯ ให้ลดบ่อนตามที่ต่าง ๆ ให้น้อยลง เพราะทรงเห็นว่า การพนันเป็นโทษมากกว่าประโยชน์ แม้จะได้เงินเข้าคลังมาก แต่ก็มีคนหมดเนื้อหมดตัวมากมาย ได้ไม่คุ้มเสีย

พ.ศ. 2456 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงมีพระราชดำริที่จะชักนำประชาชนให้เลิกอบายมุข จึงได้มีการตั้งคลังออมสินขึ้น เพื่อปลูกฝังให้ประชาชนได้ริเริ่มการออมเงินแทนการเล่นพนัน และต่อจากนั้นอีก 3 ปี ก็มีการเลิกหวย ก.ข. และเลิกบ่อนเบี้ยในที่สุด ซึ่งในปีนั้นเศรษฐกิจยังดีอยู่มาก

พ.ศ. 2461 เจอปัญหากักกันข้าว พร้อมกับราคาดีบุกตกต่ำ ประเทศขาดเงินรายได้หลายล้าน กลายเป็นปัญหากลุ้มรุมชนิดผีซ้ำด้ำพลอย ลากยาวมาถึงปี พ.ศ. 2469

พ.ศ. 2473 ในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้มีการออก พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2473 จุดประสงค์เพื่อควบคุมการเล่น และค่อย ๆ จำกัดให้ลดน้อยลง แต่แล้วก็มีการยกเลิก พ.ร.บ. ฉบับนั้นไป

พ.ศ. 2478 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลใหม่พยายามเปิดเสรีให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ ด้วยการออก “พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงื่อนไขการพนันตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478” เป็นกฎหมายฉบับแรก ที่รัฐบาลริเริ่มให้มีบ่อนการพนันที่จัดการโดยรัฐเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีลักษณะพิเศษคือได้ให้อำนาจกระทรวงการคลังเป็นผู้ดูแล ด้วยเหตุผลในทางเศรษฐกิจ และที่สำคัญในกาลต่อมาคือช่วยทดแทนรายได้จาก “เงินรัชชูปการ” ซึ่งได้ยกเลิกไป หลังการประกาศใช้ประมวลรัษฎากร

เงินรัชชูปการ คืออะไร ?

“เงินรัชชูปการ” คือภาษีบุคคลซึ่งคิดตามฐานรายหัว โดยไม่คำนึงว่าแต่ละคนจะมีรายได้เท่าไหร่ เป็นภาษีที่พัฒนามาจากภาษี “เงินค่าราชการ” เพราะว่าการเก็บเงินค่าราชการ เป็นระบบคู่ขนานกับการเกณฑ์แรงงานไพร่ ดังนั้นจึงเป็นภาษีที่เรียกเอากับบุคคลที่เป็นพลเมือง แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่ได้รับยกเว้น เช่น กลุ่มเจ้านายเชื้อพระวงศ์ และขุนนาง

กระทั่งปี พ.ศ. 2481 ในยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้มีการเปิดสถานกาสิโนถึง 5 แห่ง ที่หัวหิน ลพบุรี พิษณุโลก หนองคาย และเบตง สร้างรายได้มากมายจนมีการขยายเพิ่มอีกเป็น 11 แห่ง คือ หัวหิน เชียงราย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี ตราด สงขลา ภูเก็ต เบตง และสุไหงโกลก ซึ่งไม่ปรากฏรายละเอียดว่าดำเนินการอย่างไรบ้าง เว้นก็แต่ที่หัวหิน และสงขลา ท่านรัฐมนตรีการคลังในสมัยนั้นคือ ปรีดี พนมยงค์ ได้เดินทางไปเปิดด้วยตนเองทีเดียว

แต่สุดท้าย สถานกาสิโนเหล่านี้ก็ได้เงียบหายไป

พ.ศ. 2488 เกิดเหตุภาวะเงินเฟ้อระหว่างสงคราม รัฐบาล นายควง อภัยวงศ์ จึงดำริที่จะดำเนินการดูดเงินคืนออกจากระบบ เพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ จึงได้ปัดฝุ่น พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 ออกมาใช้ และจัดตั้งสถานกาสิโนขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ – 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2488

ปรากฎว่า เพียง 82 วัน เฉพาะในกรุงเทพ ทำรายได้จากสถานกาสิโนถึง 12.94 ล้านบาท หรือ 22.8% ของงบประมาณรายได้ประจำเดือน ซึ่งถ้ารวมกาสิโนทั้งประเทศ ทำรายได้กว่า 24.13 ล้านบาท เรียกได้ว่าทำเงินถล่มทลาย

แต่สุดท้าย สถานกาสิโนดังกล่าวก็ต้องปิดตัวลง เนื่องจากประชาชนเล่นการพนันกันจนหมดเนื้อหมดตัว บางรายถึงกับฆ่าตัวตาย

พ.ร.บ. การพนันฉบับดังกล่าวจึงต้องยกเลิกไปจวบจนถึงปัจจุบัน เหลือแค่สลากกินแบ่งรัฐบาล (และหวยใต้ดิน) ที่ยังคงเป็นยาหอม คอยย้อมอารมณ์ฮึกเหิมให้ผู้คนทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า สถานกาสิโนสามารถสร้างรายได้มากมาย ถึงขนาดใช้ทดแทนเงินรัชชูปการ ซึ่งเป็นแหล่งเงินส่วนใหญ่ของประเทศในขณะนั้นได้เลยทีเดียว

แต่เหมือนดังเช่นเหรียญที่มีสองด้าน ธุรกิจการพนันก็ย่อมเป็นดาบสองคม

ด้านหนึ่งคือการสร้างเม็ดเงินให้แก่ประเทศจำนวนมหาศาล แต่คมอีกด้าน ตกอยู่กับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่ขาดการยั้งคิดและชั่งใจ ซึ่งบางคนต้องสูญเสียทั้งเงินทอง ครอบครัว อนาคต หรือแม้กระทั่งชีวิต ให้กับกระแสวังวนของการพนัน

ไม่นับรวมถึงบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ที่ใช้บ่อนการพนันเป็นแหล่งฟอกเงิน ยังความเสียหายให้กับประเทศชาติ กลายเป็นลูกโซ่ปัญหาลากยาวต่อไปไม่รู้จบ

ดังนั้น หากจะทบทวนถึงสถานกาสิโนแบบถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน จนถึงอนาคต จำเป็นต้องตรวจสอบกันให้โปร่งใส ตั้งแต่ผู้บังคับใช้กฎหมาย ไปจนถึงผู้ดำเนินกิจการสถานกาสิโน

และอีกส่วนนั้น แน่นอนว่าจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเสริมสร้างรากฐานวินัยของประชาชนให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้คมอีกด้านของการพนัน บาดบิ่นชีวิตและสังคมของเราจนขาดวิ่นลง

TOP
y

Emet nisl suscipit adipiscing bibendum. Amet cursus sit amet dictum. Vel risus commodo viverra maecenas.

r

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า