นโยบาย ‘ชาตินิยม’ ของจอมพล ป. ‘ฟาสซิสต์’ ในคราบประชาธิปไตย
ทุกวันนี้การต่อต้านแนวคิด “ชาตินิยม” ดูเหมือนจะเป็นกระแสอยู่ในหมู่คนบางกลุ่ม สังเกตได้จากพอมีหนัง ละคร หรือสื่ออะไรก็ตามที่มีเนื้อหาส่งเสริม หรือสนับสนุนความเป็นไทย คนพวกนี้ก็จะออกอาการ “รับไม่ได้” ขึ้นมาทันที
อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าคนพวกนี้ได้ไปอยู่ในยุคของคณะราษฎรแล้วยังจะออกอาการแบบนี้อยู่หรือเปล่า
โดยเฉพาะๆ ช่วงพีคๆ อย่างช่วงที่จอมพล ป. ขึ้นมามีอำนาจ ซึ่งถือเป็นช่วงที่อุดมการณ์ชาตินิยมกำลังเฟื่องฟูสุดขีด
ต้องเท้าความก่อนว่า การสร้างรัฐชาติสมัยใหม่จนทำให้เกิดจิตสำนึกความเป็นชาติของคนไทยนั้น เริ่มมีมาตั้งแต่สมัย ร.5 จนกระทั่งมีความชัดเจนมากขึ้นในสมัย ร.6 ด้วยแนวคิดชาตินิยมของพระองค์ที่มุ่งเน้นความเท่าเทียมของทุกคนในชาติ นั่นคือ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครมาจากไหน หรือมีเชื้อชาติใดก็ตาม หากมีความภักดีกับแผ่นดินไทยอันเป็นที่ให้พักพิงหรือทำมาหากินแล้ว คนผู้นั้นย่อมถือเป็นคนไทย และย่อมมีสิทธิเสรีภาพเช่นเดียวกับประชาชนคนอื่นๆ อย่างเท่าเทียมกัน
แต่สิ่งเหล่านี้กลับถูกทำลายลงด้วยนโยบายชาตินิยมที่สุดโต่งของจอมพล ป.
ชาตินิยมของจอมพล ป. นั้นจะเน้นความเป็น “เชื้อชาติไทย” อย่างชัดเจน มีการใช้วัฒนธรรมไทยมาเป็นเครื่องมือ และบังคับให้ทุกคนต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิดสำนึกในความเป็น “ชาติ” รวมถึงการพยายามสร้างความทันสมัยตามแบบอย่างตะวันตกไปพร้อมๆ กัน
ช่วงนั้นคนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือคนไทยเชื้อชาติต่างๆ เช่น ไทยจีน ไทยมุสลิม ที่ถูกบังคับให้ต้องเปลี่ยนชื่อนามสกุลให้เป็นแบบไทย ต้องแต่งตัวตามแบบที่รัฐบาลกำหนด ถึงขนาดที่ว่าคนมุสลิมถูกบังคับห้ามนุ่งโสร่ง ห้ามใส่ผ้าคลุมหัว และต้องแต่งตัวหรือสวมหมวกตามแบบสากล
นโยบายของจอมพล ป. ต่างถูกนักวิชาการวิจารณ์กันว่าเป็นฟาสซิสต์ในคราบประชาธิปไตยเลยทีเดียว แต่ก็ยังมีบางคนเข้าใจผิดไปว่าการบังคับให้แต่งตัวหรือสวมหมวกในตอนนั้น คือการส่งเสริมความเท่าเทียม!
เกิดอะไรขึ้นบ้างในนโยบายชาตินิยมของจอมพล ป. ที่ทำให้คนในชาติต้องเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ? และการต่อต้านแนวคิดชาตินิยมในปัจจุบันที่มีนักวิชาการบางคนพยายามเอามาโยงเข้ากับสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น แท้จริงแล้วเป็นไปด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่ ? ไปพบคำตอบได้ในคลิปนี้ครับ