ความจำเป็นของสยามในการปราบปราม ‘กบฏผีบุญ’
“กบฏผีบุญ” คือเหตุการณ์กบฏภาคอีสานในสมัย รัชกาลที่ 5 ซึ่งมีเบื้องหลังมาจากบรรดาขุนนางท้องถิ่นที่สูญเสียผลประโยชน์จากการปฏิรูประบบภาษีของรัฐ ที่คอยปลุกระดมชาวบ้านให้ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล จนทางรัฐต้องส่งกำลังเข้าปราบปราม อันเป็นที่มาของเหตุการณ์ “ทุ่งสังหารที่บ้านสะพือ”
โดยในปัจจุบัน มีคนบางกลุ่มพยายาม “บิดเบือน” และสร้างภาพประวัติศาสตร์ใหม่ว่า เหตุการณ์กบฏผีบุญ คือการที่รัฐบาลกรุงเทพฯ เอาเปรียบ กดขี่ขูดรีดชาวอีสาน จนมีผู้นำที่ตั้งตัวเป็นผู้มีบุญที่ไม่มีเชื้อเจ้า รวมกำลังเข้าต่อสู้กับรัฐบาลเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม จนถูกรัชกาลที่ 5 ใช้อำนาจส่งกำลังเข้ากวาดล้าง
ทั้งที่ความจริงแล้ว เบื้องหลังของผู้มีบุญอีสาน คือพวกขุนนางท้องถิ่นชาวลาว/ข่า ที่ไม่มีความรู้ความสามารถ คอยแต่นั่งกินนอนกิน กดขี่ขูดรีดภาษี หลอกลวงชาวบ้านไปวันๆ ต่อมาเมื่อมีการปฏิรูประบบราชการและภาษีในสมัยรัชกาลที่ 5 พวกขุนนางเหล่านี้ย่อมเสียผลประโยชน์ จึงได้ร่วมมือกับพระสงฆ์บางรูป อ้างศาสนามาบิดเบือน ยกตัวเองว่าเป็น “ผู้มีบุญ” เพื่อต่อต้านการเก็บภาษีของรัฐบาลกรุงเทพฯ และใช้ “ความเชื่อความศรัทธา” ในการชี้นำรวมทั้งปลุกระดมชาวบ้านให้ลุกฮือจนนำมาซึ่งการสูญเสีย
เครือข่ายของ “ผู้มีบุญ” ยังกระจายตัวก่อความวุ่นวายอยู่ทั่วดินแดนแถบแม่น้ำโขง ทั้งดินแดนลาวของฝรั่งเศส และหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานของไทย โดยเฉพาะการพยายามบุกเข้าปล้นเมืองอุบลราชธานี ที่จะนำมาซึ่งความเสียหายและการบาดเจ็บล้มตายของชาวบ้านอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นเหตุให้รัฐบาลกรุงเทพฯ ต้องส่งกำลังเข้าปราบปราม และถือเป็นการใช้พระราชอำนาจอย่างชอบธรรมของในหลวงรัชกาลที่ 5 เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
“กบฏผีบุญอีสาน” จึงเป็นเรื่องของผลประโยชน์และฐานอำนาจการเมืองของพวกขุนนางท้องถิ่นล้วนๆ ซึ่งคนพวกนี้ต่างหากที่เป็นผู้สร้างบาดแผลทางประวัติศาสตร์ และทำลายระบบเศรษฐกิจของชุมชนลงอย่างย่อยยับ
ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ “กบฏผีบุญ” เป็นอย่างไร ? ศึกษาข้อมูลได้จากคลิปวิดีโอนี้ครับ