
ขบวนเสด็จของพระมหากษัตริย์ ที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
หลายครั้งที่เราเห็นแฮชแท็กเรื่อง “ขบวนเสด็จ” ปรากฏอยู่ตามสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งมีคนบางกลุ่มพยายามปั่นกระแสว่าขบวนเสด็จฯ ของในหลวงทำให้ประชาชนเดือดร้อน ทำให้ต้องปิดการจราจรทั้งหมด สะพานรถข้ามก็ห้ามใช้งาน สะพานลอยคนเดินก็ห้ามประชาชนขึ้น มีแต่คนได้รับผลกระทบจากขบวนเสด็จฯ ที่เป็นความเหลื่อมล้ำและไม่อยู่ภายใต้กฎหมาย
ทั้งหมดนี้เป็นการกล่าวหาโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้แยกออกได้เป็น 2 ประเด็น
ประเด็นแรกคือ ไม่มีการปิดการจราจรเมื่อมีขบวนเสด็จฯ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากขบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ จึงทรงมีพระราโชบายมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดแนวทางอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้เหมาะสม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้กำหนดแนวทางอำนวยความสะดวก โดยไม่ให้ปิดการจราจรเมื่อมีขบวนเสด็จฯ แต่ให้จัดช่องทางเสด็จฯ และช่องทางประชาชน โดยใช้อุปกรณ์เพื่อความสะดวกแทน
กรณีที่มีเกาะกลางถนนเส้นทางฝั่งตรงข้ามสามารถใช้ได้ตามปกติ กรณีไม่มีเกาะกลางถนนให้ใช้กรวยยางวาง กรณีทางร่วมทางแยกให้ใช้วิธีการควบคุมรถ สำหรับสะพานกลับรถหรือสะพานข้ามให้ใช้ได้ตามปกติ ทางพิเศษที่มีด่านให้วางแนวกรวยยาง โดยการวางอุปกรณ์ต่างๆ นั้น ให้พิจารณาตามความเหมาะสม และใช้มาตรการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับทั้งประชาชนและผู้ปฏิบัติหน้าที่
โดยแนวทางปฏิบัติในการถวายความสะดวกด้านการจราจรในการเสด็จพระราชดำเนิน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในหมวดการจัดการจราจรที่เป็นเส้นทางเสด็จฯ พื้นราบ ได้ระบุชัดเจนว่า เส้นทางเสด็จฯ พื้นราบมีสะพานลอยรถข้ามหรือมีทางรถข้ามพาด ให้เปิดการจราจรให้รถวิ่งได้ตามปกติ และ สะพานลอยคนข้าม เปิดให้ประชาชนเดินข้ามได้ตามปกติ และพิจารณาถึงความปลอดภัยเมื่อขบวนเสด็จฯ ผ่าน
จะเห็นได้ว่า ไม่มีการบังคับปิดการจราจร หรือห้ามประชาชนใช้งานสะพานข้าม ในขณะที่มีขบวนเสด็จฯ เลย
ทั้งหมดนี้คือพระราชประสงค์ของในหลวง ร.10 ที่ทรงคำนึงถึงผลกระทบของประชาชน โดยทรงย้ำเตือนแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย และให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นลงไปควบคุมการบริหารจัดการในพื้นที่ด้วยตัวเอง สำหรับผู้ปฏิบัติงานให้ใช้วาจาและกิริยาท่าทางต่อประชาชนด้วยความสุภาพ โดยเน้นการชี้แจงการใช้เส้นทาง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับทั้งประชาชนและผู้ปฏิบัติงาน
อีกประเด็นคือ การกำหนดแนวทางด้านการจราจรของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินี้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลัก เพื่อถวายการอารักขาระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นการถวายความปลอดภัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ในระดับสูงสุด
เป็นเรื่องของความปลอดภัยที่รัฐต้องจัดให้แก่ประมุขของประเทศ ซึ่งเป็นหลักสากลทั่วไปอยู่แล้ว และทุกประเทศต่างปฏิบัติเหมือนๆ กัน ไม่เกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำใดๆ เลย
โดยพระราชบัญญัติถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2557 มาตรา 7 บัญญัติว่า เมื่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท พระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ผู้แทนพระองค์ซึ่งเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป และบุคคลที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นพระราชอาคันตุกะ จะเสด็จไปหรือไปยังสถานที่ใด ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องแจ้งรายละเอียดพิธีการ และมีหน้าที่อํานวยความสะดวกตามที่สมุหราชองครักษ์หรือเลขาธิการพระราชวังกำหนด และต้องปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือคำแนะนําของกรมราชองครักษ์หรือระเบียบสำนักพระราชวัง แล้วแต่กรณี
ทั้งนี้สมุหราชองครักษ์โดยความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรี มีอำนาจออกระเบียบข้อบังคับ หรือขอให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ ให้ความร่วมมือหรืออํานวยความสะดวกในการถวายความปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามระเบียบกรมราชองครักษ์ว่าด้วยการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2558 ข้อ 16 ประกอบ หนังสือที่ 0201.2/ว0826 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 บัญญัติว่า ให้สมุหราชองครักษ์มีอำนาจสั่งการแก่กำลังทหารและกำลังตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัยอยู่ในขบวนเสด็จพระราชดำเนิน
ดังนั้น บางกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดถนนเพื่ออำนวยการจราจรก็ดี หรือขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการขึ้นสะพานลอยขณะขบวนเสด็จฯ ผ่านก็ดี ถือเป็นการถวายการอารักขาให้กับประมุขของประเทศ ตามหลักปฏิบัติสากลทั่วไปนั่นเอง
การคุ้มครองความปลอดภัยประมุขของประเทศนั้น ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญเหมือนๆ กัน แม้แต่ในสหรัฐอเมริกา ยังมีกฎหมายระบุให้เจ้าหน้าที่พิเศษรับหน้าที่นี้ นั่นคือ หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ (US Secret Service – USSS) ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Department of Homeland Security) โดยภารกิจหลักของ US Secret Service มีสองประเภท คือภารกิจการคุ้มครอง และภารกิจการสืบสวน
เจ้าหน้าที่ของ USSS นั้น จะมีอำนาจในการจับกุมและค้นได้ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทางศาล ซึ่งเป็นอำนาจในเชิงรุก ในส่วนนี้จะต่างกับการคุ้มครองถวายความปลอดภัยของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งผู้รับผิดชอบหลักคือกรมราชองครักษ์ ที่มีอำนาจในการสั่งการทหารและตำรวจเฉพาะกรณีที่พระมหากษัตริย์อยู่ในพระราชวัง หรือเสด็จยังสถานที่ต่างๆ เท่านั้น และเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรับ ไม่ได้มีอำนาจตรวจค้น สืบสวน จับกุม บุคคลใดๆ โดยอำนาจในการสืบสวน ตรวจค้น จับกุม จะเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายปกติอยู่แล้ว
จะเห็นได้ว่า การกำหนดแนวทางด้านการจราจรในขณะที่มีขบวนเสด็จฯ นั้น จะมีการจัดการอย่างเหมาะสม โดยไม่มีการปิดช่องทางการจราจร ซึ่งเป็นไปตามพระราชประสงค์ของในหลวง ที่ทรงห่วงใยและไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับผลกระทบ รวมทั้งคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วย ทั้งนี้การขอความร่วมมือจากประชาชนในบางกรณี ก็เป็นไปตามจุดประสงค์หลัก นั่นคือ เพื่อคุ้มครองถวายความปลอดภัยแก่ประมุขของประเทศ ซึ่งถือเป็นหลักสากลที่ทุกประเทศต่างปฏิบัติเหมือนๆ กันนั่นเอง
ที่มา :
[1] ในหลวง ทรงห่วงใยประชาชน ไม่ให้ปิดถนนขบวนเสด็จส่วนพระองค์กระทบการจราจร
[2] พระราชบัญญัติถวายความปลอดภัย พ.ศ.2557 มาตรา 7, 8
[3] ระเบียบกรมราชองครักษ์ว่าด้วยการถวายความปลอดภัย พ.ศ.2558 ข้อ 16
[4] หนังสือที่ 0201.2/ว0826 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 เรื่องซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการเตรียมการรับเสด็จพระราชดำเนิน
[5] นโยบายและแนวทางปฏิบัติในการถวายความสะดวกด้านการจราจรในการเสด็จพระราชดำเนิน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข้อ 2.1 ( 2.1.7 ) ( 2.1.8 )
[6] U.S. Code § 3056 Powers, authorities, and duties of United States Secret Service