ก้าวไกล (จะ) ทำอะไรกับ ม.112 แฉเล่ห์กลอำพรางในข้อเรียกร้องแก้ไขกฎหมาย ที่อ้างว่าทำเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์
มีนักวิชาการอิสระท่านหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ไว้เกี่ยวกับนโยบายของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ที่ยืนยันว่าจะมีการเสนอแก้ไข ม.112 เท่านั้น ไม่ได้มีการยกเลิกแต่อย่างใด ซึ่งนักวิชาการท่านนี้ได้ให้ความเห็นไว้ว่า จริงๆ แล้วมันเป็นเล่ห์กลอำพรางทางกฎหมายของพรรคนี้ที่ดูเผินๆ เหมือนพยายามสร้างความเท่าเทียม แต่เจตนาจริงๆ คือ ต้องการลดคุณค่าของสถาบันพระมหากษัตริย์ลง เพื่อจุดประสงค์บางอย่างทางการเมือง
ถ้าดูกันในรายละเอียด แนวโน้มของ ม.112 ฉบับแก้ไขของพรรคนี้คือ จะไม่ให้ประชาชนเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดี โดยให้ถือว่าเป็นความผิดต่อส่วนตัว และให้สำนักพระราชวังเท่านั้นเป็นผู้ร้องทุกข์ และแก้ไขโทษจำคุกเหลือไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกินสามแสน รวมทั้งเอา ม.112 ออกจากหมวดความมั่นคง
สรุปแล้ว ม.112 ฉบับแก้ไข ก็คือเลิกไม่คุ้มครองในหลวงด้วยระบบคุ้มครองสถาบันอีกต่อไป และเอาการคุ้มครองแบบคนธรรมดาเข้ามาใช้แทน โดยให้ถือว่าในหลวงเป็นคนธรรมดาที่เผอิญเกิดมาเป็นในหลวงเท่านั้น
และเมื่อดูจากสถิติการละเมิด ม.112 ที่ผ่านมา ดูจากจำนวนการกล่าวหาสถาบันฯ ด้วยความเท็จด้วยข้อมูลบิดเบือนที่เกิดขึ้น ต่อจากนี้ ในหลวงจะทรงได้รับความเสียหายจากการดูหมิ่นจากปากคนได้ทุกวัน แล้วสำนักพระราชวังก็ต้องจ้างเหมาสำนักงานทนายความไว้คอยแจ้งความดำเนินคดี
สถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะกลายเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับประชาชน
คำถามสำคัญที่ตามมาคือ ต่อไปบทบัญญัติที่ว่าด้วย “พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้” จะถูกแก้ไขโดยพรรคการเมืองนี้หรือไม่ ? อย่างไร ? หรือจะถูกยกเลิกหรือไม่ ? อันนี้เป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เป็นประเด็นสำคัญที่เราจะต้องเอามาคิดพิจารณา
สถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนั้นอยู่เหนือฝักฝ่ายทางการเมือง เราจึงให้พระราชอำนาจที่จะทรงยับยั้งร่างกฎหมายได้ ให้คำแนะนำแก่รัฐบาลได้ พูดง่ายๆ คือเป็นพระราชอำนาจที่จะคอยถ่วงดุลหากรัฐบาลมีการดำเนินงานที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พอถึงคราวบ้านเมืองแตกแยกจะฆ่าแกงกัน ในหลวงก็ทรงเป็นคนกลางพูดคุยไกล่เกลี่ยจนสามารถหยุดจลาจลหยุดการนองเลือดลงได้
ซึ่งพระราชอำนาจทั้งหมดนี้ จะคุ้มแผ่นดินได้จริง ก็ต้องคุ้มครอง “บารมี” ของในหลวงด้วย จะให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์ด้วยข้อมูลบิดเบือนจนกลายเป็นการกล่าวหากันไม่ได้
ด้วยเหตุผลนี้แหละครับ ที่ ม.112 ต้องเป็นความผิดต่อแผ่นดิน
แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่พยายามบิดเบือนให้คนเข้าใจว่า ม.112 เป็นกฎหมายที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และพยายามเรียกร้องแก้กฎหมายให้ในหลวงทรงเป็นคนธรรมดาที่วิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ปัญหาคือ “การวิจารณ์นั้นกลับอยู่บนฐานของการบิดเบือนจนกลายเป็นการกล่าวหาในหลวงด้วยข้อมูลเท็จ”
การแก้ไข ม.112 ของพรรคการเมืองพรรคนี้ มันไม่ใช่การส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตรงไหนเลย แต่มันคือการพยายามลดโทษความผิดการดูหมิ่น หมิ่นประมาท ให้คนที่ไม่หวังดีสามารถกล่าวหาในหลวงได้ง่ายขึ้น แล้วใช้ม่านกำบังให้คนหลงเชื่อว่า การแก้ไข ม.112 เป็นการขยายเสรีภาพโดยรวม เป็นการทำเพื่อในหลวง ไม่ใช่เป็นการจ้องล้มสถาบันอย่างที่ใครพูดกัน ทั้งๆ ที่ความจริงประชาชนและน้องๆ เยาวชนหลายคนเขาก็เริ่มมองเห็นแล้วว่า นี่คือเล่ห์กลอำพรางทางกฎหมายของพรรคการเมืองบางพรรคที่ยังดูถูกคนไทยว่าโง่อยู่มากกว่า