การสร้างความเกลียดชังด้วยความเท็จและการบิดเบือนประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เสรีภาพในการแสดงออก และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
จากที่มีข่าวกรณีครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในสังกัด สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ได้สอนเนื้อหาวิชาประวัติศาสตร์ให้กับเด็กนักเรียนมัธยม ด้วยข้อมูลเท็จที่มาจากอคติส่วนตัว โดยมีการพาดพิงถึงพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ด้วยเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในลักษณะของการบูลลี่ ให้เด็กเกิดความเกลียดชังต่อตัวบุคคล ซึ่งนี่ไม่ใช่การกระทำครั้งแรกของครูคนนี้ แต่มีการสอนเด็กด้วยข้อมูลบิดเบือนแบบนี้มาโดยตลอด
ปรากฏว่ามีการบันทึกหลักฐานเป็นคลิปโดยเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อมีการเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์ กลายเป็นว่า เด็กคนนี้กลับถูกขู่รุมทำร้าย จนเกิดความกลัวและไม่กล้าไปโรงเรียน
เรื่องนี้บอกอะไรกับสังคม…
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ มีการปลูกถ่ายชุดข้อมูลผิดๆ ใส่หัวเด็กและเยาวชนอยู่ตลอดเวลา และตอนนี้ก็ลามหนักลงไปในระบบการศึกษาแล้ว ด้วยวิธีการบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือเอาความจริงแค่ครึ่งเดียวผสมกับอคติส่วนตัว แล้วฝังใส่หัวเด็กๆ ซึ่งการกระทำทั้งหมดนี้มาจาก “ครู” บางคน ที่บางครั้งก็ถูกให้ท้ายด้วยสถาบันการศึกษานั้นๆ ด้วยซ้ำ
และนักเรียนคนไหนที่ไม่เชื่อก็จะถูกกดดัน ถูกด้อยค่า หรือแม้กระทั่งถูกข่มขู่คุกคาม จนเด็กเกิดความสับสนและหวาดกลัว นานวันเข้าก็ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ถูกต้องอีก จนสุดท้ายเด็กส่วนใหญ่ที่เป็นอนาคตของชาติ ก็จะถูกปลูกฝังให้ชังชาติโดยไม่รู้ตัว และกลายเป็นเบี้ยให้ออกไปต่อสู้แทนพวกที่หวังทำลายประเทศชาติเหมือนเช่นที่ผ่านๆ มา
เด็กเหล่านี้หรือแม้แต่ใครก็ตามที่ “กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง” พวกเขาต้องได้รับการปกป้อง อย่าให้พวกเขารู้สึกว่าการกล้าปฏิเสธความเท็จหรือเรื่องบิดเบือน ต้องแลกมากับการถูกด้อยค่าหรือการถูกทิ้งให้เผชิญกับแรงกดดันต่างๆ นานา จนสุดท้ายไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาอีก
อยากจะบอกเด็กๆ น้องๆ หรือแม้แต่คนทั่วไปว่า อย่ากลัวในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ยังมีคนอีกมากที่คอย support คอยช่วยเหลือปกป้องน้องๆ เหล่านี้ และในกรณีล่าสุด หลายฝ่ายก็ได้เข้าพบพูดคุยกับน้องแล้ว เพื่อให้กำลังใจให้น้องและครอบครัวได้มั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง
ส่วนครูที่สอนประวัติศาสตร์ด้วยอคติส่วนตัวนั้น สมควรต้องได้รับการสอบสวน และลงโทษตามกฎหมาย เพราะสิ่งที่ครูคนนี้ปลูกฝังให้กับเด็กๆ ที่เป็นอนาคตของชาติ คือ “ความเท็จ” และเป็นการจงใจบ่อนเซาะให้เกิดความแตกแยกทางความคิด จนอาจนำไปสู่ความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งแน่นอนว่า … “การสร้างความเกลียดชังด้วยความเท็จและการบิดเบือนประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เสรีภาพในการแสดงออก และเป็นสิ่งที่สังคมไม่อาจยอมรับได้”